กายคตาสติ (๕)
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นส่วนวิชชา ย่อมหยั่งลงในภายในของผู้นั้น ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรอันผู้ใดผู้หนึ่งถูกต้องด้วยใจแล้ว แม่น้ำน้อยสายใดสายหนึ่งซึ่งไหลไปสู่สมุทร ย่อมหยั่งลงในภายในของผู้นั้น ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นส่วนแห่งวิชชา ย่อมหยั่งลงในภายในของผู้นั้น.
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่เจริญ ไม่กระทำให้มากแล้ว มารย่อมได้ช่อง มารย่อมได้โอกาส ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษเหวี่ยงก้อนศิลาที่หนัก ไปที่กองดินเปียก ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร ก้อนศิลาหนักนั้นจะพึงได้ช่อง (จมลง) ในกองดินเปียกนั้นได้ไหม.
ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่เจริญ ไม่กระทำให้มากแล้ว มารย่อมได้ช่อง มารย่อมได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้ที่แห้งสนิท ต่อมา มีบุรุษนำไปทำเป็นไม้สีไฟ ด้วยตั้งใจว่า จะให้เกิดความร้อนและเกิดไฟขึ้น ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้น นำไม้ที่แห้งสนิทนั้น ไปทำเป็นไม้สีไฟแล้วสีกัน จะสามารถให้เกิดความร้อนและเกิดไฟขึ้นได้ไหม.
ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่เจริญ ไม่กระทำให้มากแล้ว มารย่อมได้ช่อง มารย่อมได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหม้อน้ำที่ว่างเปล่า อันเขาตั้งไว้บนเครื่องรอง ต่อมา มีบุรุษนำเอาหม้อน้ำนั้นไปทำเป็นเครื่องตักน้ำ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นจะพึงตักน้ำได้ไหม.
ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่เจริญ ไม่กระทำให้มากแล้ว มารย่อมได้ช่อง มารย่อมได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว มารย่อมไม่ได้ช่อง มารย่อมไม่ได้โอกาส ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนกลุ่มด้ายเบาๆ ลงบนแผ่นกระดานเรียบที่ทำด้วยแก่นไม้ล้วน ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร กลุ่มด้ายเบาๆ นั้น จะพึงได้ช่อง (จมลง) บนแผ่นกระดานเรียบ ที่ทำด้วยแก่นไม้ล้วนหรือไม่.
ไม่ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว มารย่อมไม่ได้ช่อง มารย่อมไม่ได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้สดชุ่มด้วยยาง ต่อมา มีบุรุษนำไปทำเป็นไม้สีไฟ ด้วยตั้งใจว่า จะให้เกิดความร้อนและเกิดไฟขึ้น ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้น นำไม้สดที่ชุ่มด้วยยางนั้น ไปทำเป็นไม้สีไฟแล้วสีกัน จะสามารถให้เกิดความร้อนและเกิดไฟขึ้นได้ไหม.
ไม่ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว มารย่อมไม่ได้ช่อง มารย่อมไม่ได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหม้อน้ำ มีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบปาก พอที่กาจะก้มดื่มได้ อันเขาตั้งไว้บนเครื่องรอง ต่อมา มีบุรุษนำเอาหม้อน้ำนั้นไปทำเป็นเครื่องตักน้ำ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นจะพึงตักน้ำได้ไหม.
ไม่ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว มารย่อมไม่ได้ช่อง มารย่อมไม่ได้โอกาส.
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ภิกษุนั้นจะโน้มน้อมจิตไป เพื่อทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองใดๆ ในธรรมนั้นๆ เธอก็จักถึงความสามารถทำได้จนเป็นสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหม้อน้ำ มีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบปาก พอที่กาจะก้มดื่มได้ อันเขาตั้งไว้บนเครื่องรอง บุรุษผู้มีกำลังพึงเขย่าหม้อน้ำนั้นโดยวิธีใดๆ น้ำนั้นจะพึงไหลมาโดยวิธีนั้นๆ ได้ไหม
ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันผู้ใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ภิกษุนั้นจะโน้มน้อมจิตไป เพื่อทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองใดๆ ในธรรมนั้นๆ เธอก็จักถึงความสามารถทำได้จนเป็นสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนสระโบกขรณีสี่เหลี่ยม ในภูมิภาคที่ราบอันเขาพูนคันดินไว้ มีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบปาก พอที่กาจะก้มดื่มได้ บุรุษผู้มีกำลังเจาะคันดินของสระโบกขรณีนั้นโดยวิธีใดๆ น้ำนั้นจะพึงไหลมาโดยวิธีนั้นๆ ได้ไหม.
ได้ ภันเต.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ภิกษุนั้นจะโน้มน้อมจิตไป เพื่อทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองใดๆ ในธรรมนั้นๆ เธอก็จักถึงความสามารถทำได้จนเป็นสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนรถที่เทียมด้วยม้าอาชาไนย ซึ่งเป็นม้าที่ได้รับการฝึกมาดีแล้ว มีแส้เสียบไว้ในที่ระหว่างม้าทั้ง ๒ เป็นรถที่จอดอยู่บนทางใหญ่ ๔ แพร่ง มีภูมิภาคอันดี นายสารถีผู้เชี่ยวชาญในการฝึกม้า ระดับครูฝึก ผู้ขยันขันแข็ง ขึ้นสู่รถนั้นแล้ว จับสายบังเหียนด้วยมือซ้าย จับแส้ด้วยมือขวา เพียงแค่ยกแส้ขึ้นเป็นสัญญาณ ก็สามารถให้ม้าพารถไปข้างหน้า หรือให้ถอยกลับไปข้างหลัง ได้ตามที่ตนปรารถนา ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น กายคตาสติอันใดผู้หนึ่ง เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ภิกษุนั้นจะโน้มน้อมจิตไป เพื่อทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองใดๆ ในธรรมนั้นๆ เธอก็จักถึงความสามารถทำได้จนเป็นสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติ อันบุคคลเสพแล้ว ทำให้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ประพฤติสั่งสมเนืองๆ ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๐ ประการเหล่านี้ คือ
๑) เป็นผู้อดกลั้นต่อความไม่ยินดีและความยินดีได้ ไม่ถูกความไม่ยินดีครอบงำ ย่อมครอบงำความไม่ยินดีที่เกิดขึ้นแล้วได้.
๒) เป็นผู้อดกลั้นต่อภัยและความหวาดกลัวได้ ไม่ถูกภัยและความหวาดกลัวครอบงำ ย่อมครอบงำภัยและความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นแล้วได้.
๓) เป็นผู้อดทนต่อความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย เป็นผู้อดทนต่อสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำอันหยาบคายร้ายแรงต่างๆ เป็นผู้อดทนต่อทุกขเวทนาทางกายที่เกิดขึ้นแล้ว อันเป็นทุกข์ กล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่เป็นที่พอใจ แทบทำให้เสียชีวิตได้.
๔) เป็นผู้ได้ตามต้องการ ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้ง ๔ อันเป็นไปในจิตอันยิ่ง เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรมสุขวิหาร).
๕) ย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายประการ คือ คนเดียวแสดงเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนแสดงเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขาไปได้ไม่ติดขัด เหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นหรือดำลงในแผ่นดินเหมือนไปในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำไม่แยกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.
๖) ย่อมได้ยินเสียงทั้ง ๒ ชนิด คือ เสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ได้ด้วยทิพยโสตธาตุอันบริสุทธิ์ ล่วงโสตของมนุษย์.
๗) ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นได้ด้วยใจ คือ จิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ จิตหดหู่ก็รู้ว่าจิตหดหู่ หรือจิตฟุ้งซ่านก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหัคคตะ (ถึงความเป็นใหญ่) ก็รู้ว่าจิตเป็นมหัคคตะ หรือจิตไม่เป็นมหัคคตะก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหัคคตะ จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่าก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่าก็รู้ว่าจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิก็รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้นก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น.
๘) ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏกัปและวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้างว่า ในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขและเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขและเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราพึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยอาการอย่างนี้.
๙) ย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ พึงรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดมั่นการกระทำเพราะอำนาจมิจฉาทิฏฐิ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาจึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฏฐิ ยึดมั่นการกระทำเพราะอำนาจสัมมาทิฏฐิ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาจึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ เราพึงเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมทราบชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยอาการอย่างนี้.
๑๐) ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติ อันบุคคลเสพแล้ว ทำให้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ประพฤติสั่งสมเนืองๆ ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๐ ประการเหล่านี้ได้ ดังนี้.
-บาลี อุปริ. ม. 14/211/307.
English translation by Bhikkhu Sujato
Anyone who has developed and cultivated mindfulness of the body includes all of the skillful qualities that play a part in realization. Anyone who brings into their mind the great ocean includes all of the streams that run down into it. In the same way, anyone who has developed and cultivated mindfulness of the body includes all of the skillful qualities that play a part in realization.
When a mendicant has not developed or cultivated mindfulness of the body, Māra finds a vulnerability and gets hold of them. Suppose a person were to throw a heavy stone ball on a mound of wet clay.
What do you think, mendicants? Would that heavy stone ball find an entry into that mound of wet clay?”
“Yes, sir.”
“In the same way, when a mendicant has not developed or cultivated mindfulness of the body, Māra finds a vulnerability and gets hold of them.
Suppose there was a dried up, withered log. Then a person comes along with a drill-stick, thinking to light a fire and produce heat.
What do you think, mendicants? By drilling the stick against that dried up, withered log on dry land far from water, could they light a fire and produce heat?”
“Yes, sir.”
“In the same way, when a mendicant has not developed or cultivated mindfulness of the body, Māra finds a vulnerability and gets hold of them.
Suppose a water jar was placed on a stand, empty and hollow. Then a person comes along with a load of water.
What do you think, mendicants? Could that person pour water into the jar?”
“Yes, sir.”
“In the same way, when a mendicant has not developed or cultivated mindfulness of the body, Māra finds a vulnerability and gets hold of them.
When a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, Māra cannot find a vulnerability and doesn’t get hold of them.
Suppose a person were to throw a light ball of string at a door-panel made entirely of hardwood.
What do you think, mendicants? Would that light ball of string find an entry into that door-panel made entirely of hardwood?”
“No, sir.”
“In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, Māra cannot find a vulnerability and doesn’t get hold of them.
Suppose there was a green, sappy log. Then a person comes along with a drill-stick, thinking to light a fire and produce heat.
What do you think, mendicants? By drilling the stick against that green, sappy log on dry land far from water, could they light a fire and produce heat?”
“No, sir.”
“In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, Māra cannot find a vulnerability and doesn’t get hold of them. Suppose a water jar was placed on a stand, full to the brim so a crow could drink from it. Then a person comes along with a load of water.
What do you think, mendicants? Could that person pour water into the jar?”
“No, sir.”
“In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, Māra cannot find a vulnerability and doesn’t get hold of them.
When a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, they become capable of realizing anything that can be realized by insight to which they extend the mind, in each and every case.
Suppose a water jar was placed on a stand, full to the brim so a crow could drink from it. If a strong man was to pour it on any side, would water pour out?”
“Yes, sir.”
“In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, they become capable of realizing anything that can be realized by insight to which they extend the mind, in each and every case.
Suppose there was a square, walled lotus pond on level ground, full to the brim so a crow could drink from it. If a strong man was to open the wall on any side, would water pour out?”
“Yes, sir.”
“In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, they become capable of realizing anything that can be realized by insight to which they extend the mind, in each and every case. Suppose a chariot stood harnessed to thoroughbreds at a level crossroads, with a goad ready. Then a deft horse trainer, a master charioteer, might mount the chariot, taking the reins in his right hand and goad in the left. He’d drive out and back wherever he wishes, whenever he wishes. In the same way, when a mendicant has developed and cultivated mindfulness of the body, they become capable of realizing anything that can be realized by insight to which they extend the mind, in each and every case.
You can expect ten benefits when mindfulness of the body has been cultivated, developed, and practiced, made a vehicle and a basis, kept up, consolidated, and properly implemented.
They prevail over desire and discontent, and live having mastered desire and discontent whenever they arose.
They prevail over fear and dread, and live having mastered fear and dread whenever they arose.
They endure cold, heat, hunger, and thirst; the touch of flies, mosquitoes, wind, sun, and reptiles; rude and unwelcome criticism; and put up with physical pain—sharp, severe, acute, unpleasant, disagreeable, and life-threatening.
They get the four absorptions—blissful meditations in the present life that belong to the higher mind—when they want, without trouble or difficulty.
They wield the many kinds of psychic power: multiplying themselves and becoming one again … They control the body as far as the Brahmā realm.
With clairaudience that is purified and superhuman, they hear both kinds of sounds, human and divine, whether near or far. …
They understand the minds of other beings and individuals, having comprehended them with their own mind. …
They recollect many kinds of past lives, with features and details.
With clairvoyance that is purified and superhuman, they see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. They understand how sentient beings are reborn according to their deeds.
They realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life. And they live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.
You can expect these ten benefits when mindfulness of the body has been cultivated, developed, and practiced, made a vehicle and a basis, kept up, consolidated, and properly implemented.”
English translation by I.B. Horner
Monks, those skilled states that are connected with knowledge are in anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. As, monks, those streams that flow down to the ocean are in anyone in whom the great ocean has been suffused by thought, even so, those skilled states that are connected with knowledge are in anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. Monks, Māra gains access to whatever monk there is in whom mindfulness of body has not been developed, not been made much of. Monks, it is as though a man were to throw a heavy round stone into a mound of moist clay. What do you think, monks? Would that heavy round stone gain access to that mound of moist clay?”
“Yes, revered sir.”
“Even so, monks, Māra gains access to, Māra gets a chance over anyone in whom mindfulness of body has not been developed, not made much of. Monks, it is as though there were a dry sapless stick, and a man were to come along bringing an upper piece of fire-stick, thinking: ‘I will light a fire, I will get heat.’ What do you think, monks? Could that man, bringing an upper piece of fire-stick and rubbing that dry sapless stick (with it), light a fire, could he get heat?”
“Yes, revered sir.”
“Even so, monks, Māra gains access to, Māra gets a chance over anyone in whom mindfulness of body has not been developed, not been made much of. Monks, it is as though a water-pot were standing void and empty on its support, and a man were to come along bringing a load of water. What do you think, monks? Would that man get a chance to unload the water?”
“Yes, revered sir.”
“Even so, monks, Māra gains access to, Māra gets a chance over anyone in whom mindfulness of body has not been developed, not been made much of. (But), monks, Māra does not gain access to, Māra does not get a chance over anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. Monks, it is as though a man were to throw a light ball of thread against a door-panel made entirely from heartwood. What do you think, monks? Would that light ball of thread gain access to a door-panel made entirely from heart-wood?”
“No, revered sir.”
“Even so, monks, Māra does not gain access to, Māra does not get a chance over anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. It is as though, monks, there were a wet sappy stick, and a man were to come along bringing an upper piece of fire-stick, thinking: ‘I will light a fire, I will get heat.’ What do you think, monks? Could that man, bringing an upper piece of fire-stick and rubbing that wet sappy stick (with it), light a fire, could he get heat?”
“No, revered sir.”
“Even so, monks, Māra does not gain access to, Māra does not get a chance over anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. Monks, it is as though a full water-pot, brimming with water so that a crow could drink from it, were placed in a support, and a man were to come along bringing a load of water. What do you think, monks? Would that man get a chance to unload the water?”
“No, revered sir.”
“Even so, monks, Māra does not gain access to, Māra does not get a chance over anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of. Anyone, monks, in whom mindfulness of body has been developed and made much of, turns his mind to this or that realisation through super-knowledge of a thing that may be realised through super-knowledge and achieves ability as a witness now here, now there, whatever may be the plane. Monks, it is as though a full water-pot, brimming with water so that a crow could drink from it, were placed in a support and a strong man were to rock it from side to side—would the water spill?”
“Yes, revered sir.”
“Even so, monks, anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of, turns his mind to this or that realisation through super-knowledge of a thing that may be realised through super-knowledge and achieves ability as a witness now here, now there, whatever may be the plane. Monks, it is as though there were a tank on a level stretch of ground, its four sides strengthened with dykes, full and brimming with water so that a crow could drink from it, and a strong man were to loosen a dyke at this side or that—would the water spill?”
“Yes, revered sir.”
“Even so, monks, anyone in whom mindfulness of body has been developed and made much of, turns his mind to this or that realisation through super-knowledge of a thing that may be realised through super-knowledge and achieves ability as a witness now here, now there, whatever may be the plane. Monks, it is as though at a cross-roads on level ground a chariot were standing harnessed with thoroughbreds, the goad hanging ready; and a skilled groom, a charioteer of horses to be tamed, having mounted it, having taken the reins in his left hand, the goad in his right, were to drive up and down as he liked; even so, monks, anyone whomsoever in whom mindfulness of body has been developed and made much of, turns his mind to this and that realisation through super-knowledge of a thing that may be realised through super-knowledge and achieves ability as a witness now here, now there, whatever may be the plane.
Monks, these ten advantages are to be expected from pursuing mindfulness of body, developing it, making much of it, making it a vehicle, making it a foundation, practising it, increasing it, and fully undertaking it. What ten?
He is one who overcomes dislike and liking, and dislike (and liking) do not overcome him; he fares along constantly conquering any dislike (and liking) that have arisen.
He is one who overcomes fear and dread, and fear and dread do not overcome him; and he fares along constantly conquering any fear and dread that have arisen.
He is one who bears cold, heat, hunger, thirst, the touch of gadfly, mosquito, wind and sun, creeping things, ways of speech that are irksome, unwelcome; he is of a character to bear bodily feelings which, arising, are painful, acute, sharp, shooting, disagreeable, miserable, deadly.
He is one who at will, without trouble, without difficulty, acquires the four meditations that are of the purest mentality, abidings in ease here and now.
He experiences the various forms of psychic power: having been one he is manifold; having been manifold he is one; manifest or invisible he goes unhindered through a wall, a rampart, a mountain as if through air; he plunges into the ground and shoots up again as if in water; he walks upon the water without parting it as if on the ground; sitting cross-legged he travels through the air like a bird on the wing; with his hand he rubs and strokes this moon and sun although they are of such mighty power and majesty; and even as far as the Brahma-world he has power in respect of his person.
By the purified deva-like hearing which surpasses that of men he hears both (kinds of) sounds—deva-like ones and human ones, whether they be far or near.
He comprehends by mind the minds of other beings, of other individuals, so that he comprehends a mind that is full of attachment … aversion … confusion, that it is full of attachment … aversion … confusion; or a mind that is without attachment … aversion … confusion, that it is without attachment … aversion … confusion; or he comprehends a mind that is contracted that it is contracted, or a mind that is distracted that it is distracted; or of a mind that has become great that it has become great, or of a mind that has not become great that it has not become great; or of a mind with (some other mental state) superior to it that it has (some other mental state) superior to it, or of a mind that has no (other mental state) superior to it that it has no (other mental state) superior to it; or of a mind that is composed that it is composed, or of a mind that is not composed that it is not composed; or of a mind that is freed that it is freed, or of a mind that is not freed that it is not freed.
He recollects manifold former habitations, that is to say one birth and two births and … Thus he recollects (his) former habitations in all their modes and detail.
With the purified deva-vision surpassing that of men he beholds beings as they pass hence and come to be; he comprehends that beings are mean, excellent, fair, foul, in a good bourn, in a bad bourn according to the consequences of deeds.
By the destruction of the cankers, having realised here and now by his own super-knowledge the freedom of mind and the freedom through intuitive wisdom that are cankerless, entering thereon, he abides therein.
Monks, these ten advantages are to be expected from pursuing mindfulness of body, developing it, making much of it, making it a vehicle, making it a foundation, practising it, increasing it and fully undertaking it.”