ธรรม ๖ ประการเพื่อความไม่เสื่อมของภิกษุ
ครั้งนั้น เมื่อปฐมยามผ่านไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมี รัศมีงามยิ่งนัก ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ในที่สมควร ครั้นแล้วได้ทูลว่า ภันเต ธรรม ๖ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการอะไรบ้าง คือ
๑) ความเป็นผู้เคารพในศาสดา
๒) ความเป็นผู้เคารพในธรรม
๓) ความเป็นผู้เคารพในสงฆ์
๔) ความเป็นผู้เคารพในสิกขา
๕) ความเป็นผู้ว่าง่าย
๖) ความเป็นผู้มีมิตรดี
ภันเต ธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ.
เทวดาตนนั้นกล่าวดังนี้แล้วพระศาสดาทรงพอพระทัย ครั้งนั้น เทวดาตนนั้นได้ทราบว่า พระศาสดาได้ทรงพอพระทัยตนแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้น ครั้นเมื่อราตรีนั้นล่วงไป พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามผ่านไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ทำวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว แล้วเข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาทเราแล้วยืนอยู่ในที่สมควร ครั้นแล้วได้กล่าวกับเราว่า ภันเต ธรรม ๖ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๖ ประการอะไรบ้าง คือ
๑) ความเป็นผู้เคารพในศาสดา
๒) ความเป็นผู้เคารพในธรรม
๓) ความเป็นผู้เคารพในสงฆ์
๔) ความเป็นผู้เคารพในสิกขา
๕) ความเป็นผู้ว่าง่าย
๖) ความเป็นผู้มีมิตรดี
ภันเต ธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ เทวดาตนนั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว ก็อภิวาทเรา กระทำประทักษิณเราแล้ว ได้หายไป ณ ที่นั้น.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วได้ทูลว่า ภันเต ข้าพระองค์ย่อมทราบชัดเนื้อความแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้วโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดารอย่างนี้ว่า ภิกษุในกรณีนี้
๑) ตนเองเป็นผู้เคารพในศาสดา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในศาสดา ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในศาสดาให้เคารพในศาสดา และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในศาสดา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๒) ตนเองเป็นผู้เคารพในธรรม กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในธรรม ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในธรรมให้เคารพในธรรม และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในธรรมตาม ความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๓) ตนเองเป็นผู้เคารพในสงฆ์ กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในสงฆ์ ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในสงฆ์ให้เคารพในสงฆ์ และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในสงฆ์ ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๔) ตนเองเป็นผู้เคารพในสิกขา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในสิกขา ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในสิกขาให้เคารพในสิกขา และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในสิกขา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๕) ตนเองเป็นผู้ว่าง่าย กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้ว่าง่าย ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เป็นผู้ว่าง่ายให้เป็นผู้ว่าง่าย และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เป็นผู้ว่าง่าย ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๖) ตนเองเป็นผู้มีมิตรดี กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีมิตรดี ชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่มีมิตรดีให้เป็นผู้มีมิตรดี และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่มีมิตรดี ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
ภันเต ข้าพระองค์ย่อมทราบชัดเนื้อความแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้วโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดารอย่างนี้แล.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ สารีบุตร เธอย่อมทราบเนื้อความแห่งถ้อยคำที่เรากล่าวแล้วโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดารอย่างนี้ถูกต้องแล้ว สารีบุตร ภิกษุในกรณีนี้
๑) ตนเองเป็นผู้เคารพในศาสดา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในศาสดา ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในศาสดาให้เคารพในศาสดา และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในศาสดา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๒) ตนเองเป็นผู้เคารพในธรรม กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในธรรม ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในธรรมให้เคารพในธรรม และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในธรรม ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๓) ตนเองเป็นผู้เคารพในสงฆ์ กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในสงฆ์ ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในสงฆ์ให้เคารพในสงฆ์ และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในสงฆ์ ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๔) ตนเองเป็นผู้เคารพในสิกขา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพในสิกขา ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เคารพในสิกขาให้เคารพในสิกขา และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เคารพในสิกขา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๕) ตนเองเป็นผู้ว่าง่าย กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้ว่าง่าย ย่อมชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่เป็นผู้ว่าง่ายให้เป็นผู้ว่าง่าย และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่เป็นผู้ว่าง่าย ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
๖) ตนเองเป็นผู้มีมิตรดี กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีมิตรดี ชักชวนภิกษุเหล่าอื่นที่ไม่มีมิตรดีให้เป็นผู้มีมิตรดี และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นที่มีมิตรดี ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร.
สารีบุตร เนื้อความแห่งถ้อยคำที่เราได้กล่าวแล้วโดยย่อนี้ บัณฑิตพึงเห็นโดยพิสดารอย่างนี้.
-บาลี ฉกฺก. อํ. 22/473/340.
https://84000.org/tipitaka/pali/?22//473,
https://etipitaka.com/read/pali/22/473
English translation by Bhikkhu Sujato
Then, late at night, a glorious deity, lighting up the entire Jeta’s Grove, went up to the Buddha, bowed, stood to one side, and said to him:
“Sir, these six things don’t lead to the decline of a mendicant. What six? Respect for the Teacher, for the teaching, for the Saṅgha, for the training; being easy to admonish, and good friendship. These six things don’t lead to the decline of a mendicant.”
That’s what that deity said, and the teacher approved. Then that deity, knowing that the teacher approved, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right, before vanishing right there.
Then, when the night had passed, the Buddha addressed the mendicants:
“Tonight, a glorious deity, lighting up the entire Jeta’s Grove, came to me, bowed, stood to one side, and said to me: ‘Sir, these six things don’t lead to the decline of a mendicant. What six? Respect for the Teacher, for the teaching, for the Saṅgha, for the training; being easy to admonish, and good friendship. These six things don’t lead to the decline of a mendicant.’
That is what that deity said. Then he bowed and respectfully circled me, keeping me on his right side, before vanishing right there.”
When he said this, Venerable Sāriputta said to the Buddha:
“Sir, this is how I understand the detailed meaning of the Buddha’s brief statement. It’s when a mendicant personally respects the Teacher and praises such respect. And they encourage other mendicants who lack such respect to respect the Teacher. And they praise other mendicants who respect the Teacher at the right time, truthfully and substantively. They personally respect the teaching … They personally respect the Saṅgha … They personally respect the training … They are personally easy to admonish … They personally have good friends, and praise such friendship. And they encourage other mendicants who lack good friends to develop good friendship. And they praise other mendicants who have good friends at the right time, truthfully and substantively. That’s how I understand the detailed meaning of the Buddha’s brief statement.”
“Good, good, Sāriputta! It’s good that you understand the detailed meaning of what I’ve said in brief like this.
It’s when a mendicant personally respects the Teacher … They personally respect the teaching … They personally respect the Saṅgha … They personally respect the training … They are personally easy to admonish … They personally have good friends, and praise such friendship. And they encourage other mendicants who lack good friends to develop good friendship. And they praise other mendicants who have good friends at the right time, truthfully and substantively. This is how to understand the detailed meaning of what I said in brief.”