ห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการ ที่ไม่อาจนับได้ ไม่อาจประมาณได้ (๑)
ภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการเหล่านี้ อันนำความสุขมาให้ ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในกรณีนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งไปกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศลประการที่ ๑ อันนำความสุขมาให้.
ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว เป็นสิ่งที่จะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกกันมาดู ควรน้อมเข้ามาใส่ตน อันผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศลประการที่ ๒ อันนำความสุขมาให้.
ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว นั่นคือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละ คือ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรแก่ของบูชา เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับทักษิณา เป็นผู้ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศลประการที่ ๓ อันนำความสุขมาให้.
ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยศีลทั้งหลายที่พระอริยะรักใคร่แล้ว เป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท (จากตัณหา) เป็นศีลที่ผู้รู้สรรเสริญ เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ.
ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล ห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการ อันนำความสุขมาให้.
ภิกษุทั้งหลาย การถือประมาณบุญของอริยสาวกผู้ประกอบด้วยห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการเหล่านี้ว่า ห้วงบุญ ห้วงกุศลมีประมาณเท่านี้ นำความสุขมาให้ ดังนี้ ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย โดยที่แท้ ห้วงบุญ ห้วงกุศลนี้ นับว่าเป็นกองบุญใหญ่ที่ไม่อาจนับได้ ไม่อาจประมาณได้.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนการถือประมาณแห่งน้ำในมหาสมุทรว่า น้ำมีเท่านี้อาฬหกะ น้ำมีเท่านี้ ๑๐๐ อาฬหกะ น้ำมีเท่านี้ ๑,๐๐๐ อาฬหกะ หรือน้ำมีเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ อาฬหกะ ก็ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย โดยที่แท้ น้ำในมหาสมุทรนั้นนับว่าเป็นห้วงน้ำใหญ่ ที่ไม่อาจนับได้ ไม่อาจประมาณได้ ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น การถือประมาณบุญของอริยสาวกผู้ประกอบด้วยห้วงบุญ ห้วงกุศล ๔ ประการเหล่านี้ว่า ห้วงบุญ ห้วงกุศลมีประมาณเท่านี้ นำความสุขมาให้ ดังนี้ ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย โดยที่แท้ห้วงบุญ ห้วงกุศลนี้ นับว่าเป็นกองบุญใหญ่ที่ไม่อาจนับได้ ไม่อาจประมาณได้.
แม่น้ำเป็นอันมาก ที่หมู่คือคณะนรชนอาศัยแล้ว ไหลไปสู่สมุทร
อันเป็นขังของน้ำใหญ่ ไม่อาจประมาณได้
มีสิ่งที่น่ากลัวมาก เป็นแหล่งของรัตนะทั้งหลาย ฉันใด.
สายธารแห่งบุญย่อมไหลไปสู่นรชนผู้เป็นบัณฑิต
ผู้ให้ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่นอน ที่นั่ง และเครื่องปูลาด
เปรียบเหมือนแม่น้ำไหลไปสู่สมุทร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.
-บาลี มหาวาร. สํ. 19/503/1603.
https://84000.org/tipitaka/pali/?19//503
https://etipitaka.com/read/pali/19/503
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, there are these four kinds of overflowing merit, overflowing goodness that nurture happiness. What four? It’s when a noble disciple has experiential confidence in the Buddha … the teaching … the Saṅgha …
Furthermore, they have the ethical conduct loved by the noble ones … leading to immersion. … These are the four kinds of overflowing merit, overflowing goodness that nurture happiness.
When a noble disciple has these four kinds of overflowing merit and goodness, it’s not easy to measure how much merit they have by saying that this is the extent of their overflowing merit, overflowing goodness that nurtures happiness. It’s simply reckoned as an incalculable, immeasurable, great mass of merit.
It’s like trying to measure how much water is in the ocean. It’s not easy to say how many gallons, how many hundreds, thousands, hundreds of thousands of gallons there are. It’s simply reckoned as an incalculable, immeasurable, great mass of water.
In the same way, when a noble disciple has these four kinds of overflowing merit and goodness, it’s not easy to measure how much merit they have by saying that this is the extent of their overflowing merit, overflowing goodness that nurtures happiness. It’s simply reckoned as an incalculable, immeasurable, great mass of merit.”
That is what the Buddha said. Then the Holy One, the Teacher, went on to say:
“Hosts of people use the rivers,
and though the rivers are many,
all reach the great deep, the boundless ocean,
the cruel sea that’s home to precious gems.
So too, when a person gives food, drink, and clothes;
and they’re a giver of beds, seats, and mats—
the streams of merit reach that astute person,
as the rivers bring their waters to the sea.”