ผลของทาน ศีล ภาวนา (เรื่องของเวลามพราหมณ์)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น อนาถบิณฑิกคหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ อภิวาทแล้วนั่งในที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอนาถบิณฑิกคหบดีว่า
คหบดี ในตระกูลของเธอ ยังให้ทานอยู่บ้างหรือไม่.
อนาถบิณฑิกคหบดีทูลว่า ภันเต ในตระกูลของข้าพระองค์ยังให้ทานอยู่ แต่ทานนั้นเป็นของเศร้าหมอง คือ เป็นปลายข้าว และมีน้ำผักดองเป็นที่สอง.
คหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยไม่เคารพ ไม่ให้ด้วยความนอบน้อม ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เป็นเดน ให้โดยไม่คำนึงผลที่จะมาถึง ผลของทานนั้น บังเกิดในที่ใดๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารชั้นดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคเครื่องนุ่งห่มชั้นดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานพาหนะชั้นดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ ชั้นดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสีย ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ.
คหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ ให้ด้วยความนอบน้อม ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เป็นเดน ให้โดยคำนึงผลที่จะมาถึง ผลของทานนั้น บังเกิดในที่ใดๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารชั้นดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคเครื่องนุ่งห่มชั้นดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานพาหนะชั้นดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ ชั้นดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ.
คหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้นได้ให้ทานเป็นมหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยตาข่ายทอง ให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง ผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยตาข่ายทอง ให้แม่โคนม ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐ คน ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ปูลาดด้วยผ้าโกเชาว์ ปูลาดด้วยขนแกะสีขาว เครื่องปูลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องปูลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด มีเครื่องปูลาดเพดาน มีหมอนสีแดงวางไว้ทั้งสองข้าง ให้ผ้า ๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย เนื้อละเอียด จะกล่าวไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่ให้ดุจไหลไปเหมือนแม่น้ำ.
คหบดี เธออาจจะมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นเป็นเวลามพราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น คหบดี แต่เธอไม่ควรเห็นอย่างนี้ สมัยนั้น เราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน คหบดี ก็ในทานนั้น ไม่มีใครเป็นทักขิเณยยบุคคล ไม่มีใครชำระทักขิณานั้นให้หมดจด.
คหบดี ทานที่บุคคลถวายให้ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (โสดาบัน) ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่เวลามพราหมณ์ให้เป็นมหาทานแล้ว.
ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามี ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามี ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธะผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธะ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะบริโภค.
การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง ๔ มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค.
การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่า การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง ๔.
การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ.
การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่า การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.
คหบดี ทานที่บุคคลถวายให้ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่เวลามพราหมณ์ให้เป็นมหาทานแล้ว.
ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามี ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามี ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธะผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธะ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะบริโภค.
การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง ๔ มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค.
การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่า การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง ๔.
การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ.
การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่า การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.
การที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ1 มีผลมากกว่า การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม.
-บาลี นวก. อํ. 23/405/224.
https://84000.org/tipitaka/pali/?23/405
https://etipitaka.com/read/pali/23/405/
1 ลัดนิ้วมือ = เวลาชั่วงอนิ้วมือแล้วดีดออก, โดยปริยายหมายความว่าเร็วฉับพลัน, ชั่วประเดี๋ยวเดียว
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. Then the householder Anāthapiṇḍika went up to the Buddha, bowed, and sat down to one side. The Buddha said to him, “Householder, I wonder whether your family gives gifts?”
“It does, sir. But only coarse gruel with pickles.”
“Householder, someone might give a gift that’s either coarse or fine. But they give it carelessly, thoughtlessly, not with their own hand. They give the dregs, and they give without consideration for consequences. Then wherever the result of any such gift manifests, their mind doesn’t incline toward enjoyment of nice food, clothes, vehicles, or the five refined kinds of sensual stimulation. And their children, wives, bondservants, employees, and workers don’t want to listen to them. They don’t pay attention or try to understand. Why is that? Because that is the result of deeds done carelessly.
Someone might give a gift that’s either coarse or fine. And they give it carefully, thoughtfully, with their own hand. They don’t give the dregs, and they give with consideration for consequences. Then wherever the result of any such gift manifests, their mind inclines toward enjoyment of nice food, clothes, vehicles, or the five refined kinds of sensual stimulation. And their children, wives, bondservants, employees, and workers want to listen. They pay attention and try to understand. Why is that? Because that is the result of deeds done carefully.
Once upon a time, householder, there was a brahmin named Velāma. He gave the following gift, a great offering. 84,000 gold bowls filled with silver. 84,000 silver bowls filled with gold. 84,000 bronze bowls filled with gold coins. 84,000 elephants with gold adornments and banners, covered with gold netting. 84,000 chariots upholstered with the hide of lions, tigers, and leopards, and cream rugs, with gold adornments and banners, covered with gold netting. 84,000 milk cows with silken reins and bronze pails. 84,000 maidens bedecked with jeweled earrings. 84,000 couches spread with woolen covers—shag-piled, pure white, or embroidered with flowers—and spread with a fine deer hide, with canopies above and red pillows at both ends. 8,400,000,000 fine cloths of linen, cotton, silk, and wool. And who can say how much food, drink, snacks, meals, refreshments, and beverages? It seemed like an overflowing river.
Householder, you might think: ‘Surely the brahmin Velāma must have been someone else at that time?’ But you should not see it like this. I myself was the brahmin Velāma at that time. I gave that gift, a great offering. But at that event there was no-one worthy of a religious donation, and no-one to purify the religious donation.
It would be more fruitful to feed one person accomplished in view than that great offering of Velāma.
It would be more fruitful to feed one once-returner than a hundred persons accomplished in view.
It would be more fruitful to feed one non-returner than a hundred once-returners.
It would be more fruitful to feed one perfected one than a hundred non-returners.
It would be more fruitful to feed one Buddha awakened for themselves than a hundred perfected ones.
It would be more fruitful to feed one Realized One, a perfected one, a fully awakened Buddha than a hundred Buddhas awakened for themselves.
It would be more fruitful to feed the mendicant Saṅgha headed by the Buddha than to feed one Realized One, a perfected one, a fully awakened Buddha.
It would be more fruitful to build a dwelling especially for the Saṅgha of the four quarters than to feed the mendicant Saṅgha headed by the Buddha.
It would be more fruitful to go for refuge to the Buddha, the teaching, and the Saṅgha with a confident heart than to build a dwelling for the Saṅgha of the four quarters.
It would be more fruitful to undertake the training rules—not to kill living creatures, steal, commit sexual misconduct, lie, or take alcoholic drinks that cause negligence—than to go for refuge to the Buddha, the teaching, and the Saṅgha with a confident heart.
It would be more fruitful to develop a heart of love—even just as long as it takes to pull a cow’s udder—than to undertake the training rules.
It would be more fruitful develop the perception of impermanence—even for as long as a finger-snap—than to do all of these things, including developing a heart of love for as long as it takes to pull a cow’s udder.”
English translation by Ṭhānissaro Bhikkhu
On one occasion the Blessed One was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. Then Anāthapiṇḍika the householder went to the Blessed One and, on arrival, bowed down to him and sat to one side. As he was sitting there, the Blessed One said to him, “Householder, are gifts still given in your family?”
“Gifts are still given in my family, lord, but they are coarse: broken rice cooked with bran, accompanied by pickle brine.”1
“Householder, regardless of whether a gift is coarse or refined, if it is given inattentively, disrespectfully, not with one’s own hand, as if throwing it away, with the view that nothing will come of it: Wherever the result of that gift comes to fruition, one’s mind will not incline to the enjoyment of splendid food, will not incline to the enjoyment of splendid clothing, will not incline to the enjoyment of splendid vehicles, will not incline to the enjoyment of the splendid five strings of sensuality. And one’s sons & daughters, slaves, servants, & workers will not listen to one, will not lend ear, will not make their minds attend for the sake of knowledge. Why is that? Because that is the result of inattentive actions.
“Householder, regardless of whether a gift is coarse or refined, if it is given attentively, respectfully, with one’s own hand, not as if throwing it away, with the view that something will come of it: Wherever the result of that gift comes to fruition, one’s mind will incline to the enjoyment of splendid food, will incline to the enjoyment of splendid clothing, will incline to the enjoyment of splendid vehicles, will incline to the enjoyment of the splendid five strings of sensuality. And one’s sons & daughters, slaves, servants, & workers will listen to one, will lend ear, will make their minds attend for the sake of knowledge. Why is that? Because that is the result of attentive actions.
“Once, householder, there was a brahman named Velāma. And this was the nature of the gift, the great gift, he gave: He gave 84,000 gold trays filled with silver, 84,000 silver trays filled with gold, 84,000 copper trays filled with gems. He gave 84,000 elephants with gold ornaments, gold banners, covered with nets of gold thread. He gave 84,000 chariots spread with lion skins, tiger skins, leopard skins, saffron-colored blankets, with gold ornaments, gold banners, covered with nets of gold thread. He gave 84,000 milk cows with tethers of fine jute and copper milk pails. He gave 84,000 maidens adorned with jeweled earrings. He gave 84,000 couches spread with long-fleeced coverlets, white wool coverlets, embroidered coverlets, rugs of kadali-deer hide, each with a canopy above & red cushions on either side. He gave 84,000 lengths of cloth—of finest linen, of finest cotton, of finest silk.2 To say nothing of the food & drink, staple & non-staple food, lotions & beddings: They flowed, as it were, like rivers.
“Now, householder, if the thought should occur to you, ‘Perhaps it was someone else who at that time was Velāma the brahman, who gave that gift, that great gift,’ that’s not how it should be seen. I was Velāma the brahman at that time. I gave that gift, that great gift. But in that gift there was no one worthy of offerings; no one purified that gift.
“If one were to feed one person consummate in view, that would be more fruitful than the gift, the great gift, that Velāma the brahman gave.
“If one were to feed one once-returner, that would be more fruitful than the gift, the great gift, that Velāma the brahman gave, and if one were to feed one person consummate in view, and if one were to feed 100 people consummate in view.
“If one were to feed one non-returner, that would be more fruitful than… if one were to feed 100 once-returners.
“If one were to feed one arahant, that would be more fruitful than… if one were to feed 100 non-returners.
“If one were to feed one Private Buddha, that would be more fruitful than… if one were to feed 100 arahants.
“If one were to feed one Tathāgata—a worthy one, rightly self-awakened—that would be more fruitful than… if one were to feed 100 Private Buddhas.
“If one were to feed a Saṅgha of monks headed by the Buddha, that would be more fruitful than… if one were to feed a Tathāgata—a worthy one, rightly self-awakened.
“If one were to have a dwelling built and dedicated to the Community of the four directions, that would be more fruitful than… if one were to feed a Saṅgha of monks headed by the Buddha.
“If one with a confident mind were to go to the Buddha, Dhamma, & Saṅgha for refuge, that would be more fruitful than… if one were to have a dwelling built and dedicated to the Community of the four directions.
“If one with a confident mind were to undertake the training rules—refraining from taking life, refraining from taking what is not given, refraining from sexual misconduct, refraining from lying, refraining from distilled & fermented drinks that cause heedlessness—that would be more fruitful than… if one with a confident mind were to go to the Buddha, Dhamma, & Saṅgha for refuge.
“If one were to develop even just one whiff of a heart of goodwill, that would be more fruitful than… if one with a confident mind were to undertake the training rules.…
“If one were to develop even for just a finger-snap the perception of inconstancy, that would be more fruitful than the gift, the great gift, that Velāma the brahman gave, and if one were to feed one person… 100 people consummate in view, and if one were to feed one once-returner… 100 once-returners, and if one were to feed one non-returner… 100 non-returners, and if one were to feed one arahant… 100 arahants, and if one were to feed one Private Buddha… 100 Private Buddhas, and if one were to feed a Tathāgata—a worthy one, rightly self-awakened—and if one were to feed a Saṅgha of monks headed by the Buddha, and if one were to have a dwelling built and dedicated to the Community of the four directions, and if one with a confident mind were to go to the Buddha, Dhamma, & Saṅgha for refuge, and if one with a confident mind were to undertake the training rules—refraining from taking life, refraining from taking what is not given, refraining from sexual misconduct, refraining from lying, refraining from distilled & fermented drinks that cause heedlessness—and if one were to develop even just one whiff of a heart of goodwill.”
Notes
1. The Commentary states that Anāthapiṇḍika is here referring to alms that he gives to the poor; his alms to the Saṅgha remained of high quality. However, it might have been that this discourse took place during a time of famine, when even Anāthapiṇḍika was reduced to giving only the coarse food both to the Saṅgha and to the poor. If that is the case, then we can read the Buddha’s remarks to Anāthapiṇḍika as reassuring him that in straitened circumstances it is still fruitful to give, even when one can only give coarse things. The merit of the gift is determined more by the state of mind with which it is given than by the external quality of the gift.
2. This translation follows the Thai edition of the Pali Canon. The Burmese and Sri Lankan editions list four kinds of cloth—rather than just the three listed here—adding wool as the third of the four.