เหตุให้ได้ลักษณะของมหาบุรุษ
ภิกษุทั้งหลาย มหาบุรุษ ผู้ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ย่อมมีคติเป็นสอง หาเป็นอย่างอื่นไม่ คือ ถ้าเป็นฆราวาส ย่อมเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม มีแว่นแคว้นจดมหาสมุทรทั้งสี่เป็นที่สุด มีชนบทอันบริบูรณ์ ประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ แก้ว ๗ ประการ ย่อมเกิดแก่มหาบุรุษนั้นคือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คหบดีแก้ว และปริณายกแก้ว เป็นที่ ๗ มีบุตรผู้กล้าหาญ มีแววแห่งคนกล้าอันใคร ๆ จะย่ำยีมิได้ ตามเสด็จกว่า ๑๐๐๐ มหาบุรุษนั้นชนะแล้วครอบครองแผ่นดินมีมหาสมุทรเป็นที่สุดโดยรอบ ไม่มีหลักตอเสี้ยนหนาม มั่งคั่ง เบิกบาน เกษม ร่มเย็น ปราศจากเสนียดคือโจร ทรงครอบครองโดยธรรมอันสม่ำเสมอ มิใช่โดยอาญาและศาสตรา ถ้ามหาบุรุษนั้น ออกบวชจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ย่อมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ มีกิเลสเครื่องปกปิดอันเปิดแล้วในโลก. …
ภิกษุทั้งหลาย พวกฤาษีภายนอก ย่อมทรงจำมนต์ลักษณะของมหาบุรุษ ๓๒ เหล่านี้ได้ก็จริง แต่ฤาษีเหล่านั้น ย่อมไม่ทราบว่า เพราะมหาบุรุษได้กระทำกรรมอย่างนี้ๆ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษอย่างนี้ๆ.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้บากบั่นในกุศล ถือมั่นในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการบริจาคทาน การสมาทานศีล การรักษาอุโบสถ การปฏิบัติมารดา บิดา การปฏิบัติสมณพราหมณ์ การอ่อนน้อมต่อผู้เจริญใน ตระกูล และในอธิกุศลธรรมอื่น เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ตถาคตนั้นถือเอายิ่งกว่าในเทวดาเหล่าอื่นโดย ฐานะ ๑๐ คือ อายุทิพย์ วรรณะทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ โผฏฐัพพะทิพย์ ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีฝ่าเท้าเสมอ จดลงก็เสมอ ยกขึ้นก็เสมอ ฝ่าเท้าถูกต้องพื้นพร้อมกัน … ย่อมเป็นผู้ไม่หวาดหวั่นต่อข้าศึกทั้งภายในและภายนอก คือ ราคะ โทสะ โมหะ สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ก็ตาม ในโลก ที่เป็นศัตรู.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้นำสุขมาให้แก่มหาชน เป็นผู้บรรเทาภัยคือ ความสะดุ้งหวาดเสียว จัดการคุ้มครองรักษาโดยธรรม ได้ถวายทานมีเครื่องบริวาร เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ ภายใต้ฝ่าเท้ามีจักรทั้งหลายเกิดขึ้น มีซี่ตั้งพัน พร้อมด้วยกงและดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง มีระยะอันจัดไว้ด้วยดี … ย่อมเป็นผู้มีบริวารมาก ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ ย่อมเป็น บริวารของตถาคต.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้เว้นจากปาณาติบาต วางแล้วซึ่งศาสตราและอาชญา มีความละอาย เอ็นดู กรุณาเกื้อกูลแก่สัตว์มีชีวิตทั้งปวง เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษทั้ง ๓ ข้อนี้คือ มีส้นยาว มีข้อนิ้วยาว มีกายตรงดุจกายพรหม … ย่อมเป็นผู้มีชนมายุยืนยาวตลอดกาลนาน สมณะหรือพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม ก็ตาม หรือใครๆ ที่เป็นศัตรู ไม่สามารถปลงชีวิตตถาคตเสียในระหว่างได้.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ให้ทานของควรเคี้ยว ควรบริโภค ควรลิ้ม ควรจิบ ควรดื่ม มีรสอันประณีต เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้ว จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ข้อนี้คือ มีเนื้อนูนหนาในที่ ๗ แห่ง คือ ที่มือทั้งสอง ที่เท้า ทั้งสอง ที่บ่าทั้งสอง และที่คอ … ย่อมได้ของควรเคี้ยว ควรบริโภค ควรลิ้ม ควรจิบ ควรดื่มอันมีรสประณีต.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้สงเคราะห์ผู้อื่นด้วย สังคหวัตถุทั้งสี่ คือ การให้สิ่งของ วาจาที่ไพเราะ การประพฤติประโยชน์ผู้อื่น และความมีตนเสมอกัน เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้ว จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีมือและเท้าอ่อนนุ่ม มีลายฝ่ามือฝ่าเท้าดุจตาข่าย … ย่อมเป็นผู้สงเคราะห์บริษัท คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ ย่อมได้รับความสงเคราะห์จากตถาคต.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้กล่าววาจาประกอบด้วยอรรถด้วยธรรมแนะนำชนเป็นอันมาก เป็นผู้นำประโยชน์สุขมาให้แก่ชน ทั้งหลาย ตนเองก็เป็นผู้บูชาธรรม เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีข้อเท้าอยู่สูง มีปลายขนช้อนขึ้น … ย่อมเป็นผู้เลิศประเสริฐเยี่ยมสูงกว่าสัตว์ทั้งหลาย.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้บอกศิลปะ วิทยา ข้อประพฤติ และลัทธิกรรม ด้วยความเคารพ ด้วยหวังว่าสัตว์เหล่านั้นพึงรู้ได้รวดเร็ว พึงปฏิบัติได้รวดเร็ว ไม่พึงเศร้าหมองสิ้นกาลนาน เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีแข้งดังแข้งเนื้อทราย … ย่อมได้วัตถุอันควรแก่สมณะ เป็นองค์แห่งสมณะเป็นเครื่องอุปโภคแก่สมณะ โดยเร็ว.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้เข้าไปหาสมณพราหมณ์ แล้วสอบถามว่า ภันเต อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไร มีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ ทำอะไรไม่มีประโยชน์ เป็นทุกข์ไปนาน ทำอะไรมีประโยชน์ เป็นสุขไปนาน เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีผิวละเอียดอ่อน ธุลีไม่ติดอยู่ได้ … ย่อมเป็นผู้มีปัญญาใหญ่ มีปัญญาหนาแน่น มีปัญญาเครื่องปลื้มใจ ปัญญาแล่น ปัญญาแหลม ปัญญาแทงตลอด ไม่มีสัตว์อื่นเสมอ หรือยิ่งไปกว่า.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความแค้น แม้ชนเป็นอันมาก ว่ากล่าวเอา ก็ไม่เอาใจใส่ ไม่โกรธ ไม่พยาบาท ไม่คุมแค้น ไม่แสดงความโกรธ ความร้ายกาจ ความเสียใจให้ปรากฏ. ทั้งเป็นผู้ให้ทานผ้าเปลือกไม้ ผ้าด้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ สำหรับลาดและนุ่งห่ม อันมีเนื้อละเอียดอ่อน เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีกายดุจทอง มีผิว ดุจทอง ย่อมเป็นผู้ได้ผ้าเปลือกไม้ ผ้าด้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ สำหรับลาดและห่ม มีเนื้อละเอียดอ่อน.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้สมานญาติมิตร สหายชาวเกลอ ผู้เหินห่าง แยกกันไปนาน ได้สมานไมตรีมารดากับบุตร บุตรกับมารดา บิดากับบุตร บุตรกับบิดา พี่น้องชายกับพี่น้องหญิง พี่น้องหญิงกับพี่น้องชาย ครั้นทำความสามัคคีแล้ว พลอยชื่นชม ยินดีด้วย เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีคุยหฐานซ่อนอยู่ในฝัก … ย่อมเป็นผู้มีบุตร (สาวก) มาก มีบุตรกล้าหาญ มีแววแห่งคนกล้า อันเสนาแห่งบุคคลอื่นจะย่ำยีมิได้หลายพัน.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้สังเกตชั้นเชิงของมหาชน รู้ได้สม่ำเสมอ รู้ได้เอง รู้จักบุรุษธรรมดา และบุรุษพิเศษว่าผู้นี้ ควรแก่สิ่งนี้ๆ ได้เป็นผู้ทำประโยชน์อย่างวิเศษในชนชั้นนั้นๆ เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีทรวดทรงดุจต้นไทร ยืนตรงไม่ย่อกาย ลูบถึงเข่าได้ด้วยมือทั้งสอง … ย่อมมั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก. ทรัพย์ของตถาคตเหล่านี้คือ ทรัพย์คือศรัทธา ทรัพย์คือศีล ทรัพย์คือหิริ ทรัพย์คือโอตตัปปะ ทรัพย์คือการศึกษา (สุตะ) ทรัพย์คือจาคะ ทรัพย์คือปัญญา.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ใคร่ต่อประโยชน์ ใคร่ต่อความเกื้อกูล ใคร่ต่อความผาสุก ใคร่ต่อความเกษมจากโยคะแก่ชนเป็น อันมาก ว่า ‘ไฉนชนเหล่านี้พึงเป็นผู้เจริญด้วยศรัทธา ด้วยศีล ด้วยการศึกษา ด้วยความรู้ ด้วยการเผื่อแผ่ ด้วยธรรม ด้วยปัญญา ด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก ด้วยนาและสวน ด้วยสัตว์สองเท้าสี่เท้า ด้วยบุตรภรรยา ด้วยทาสกรรมกร และบุรุษ ด้วยญาติมิตรและพวกพ้อง’ เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๓ ข้อ นี้คือ มีกึ่งกายเบื้องหน้าดุจสีหะ มีหลังเต็ม มีคอกลม … ย่อมเป็นผู้ไม่เสื่อมเป็นธรรมดา คือไม่เสื่อมจากศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ไม่เสื่อมจากสมบัติทั้งปวง.
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ด้วยฝ่ามือก็ตาม ก้อนดินก็ตาม ท่อนไม้ก็ตาม ศาสตราก็ตาม เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีประสาทรับรสอันเลิศ มีปลายขึ้นเบื้องบน เกิดแล้วที่คอ รับรสโดยสม่ำเสมอ … ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย มีความร้อนแห่งกายเป็น วิบากอันสม่ำเสมอ ไม่เย็นเกินร้อนเกิน พอควรแก่ความเพียร.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ไม่ถลึงตา ไม่ค้อนควัก ไม่จ้องลับหลัง เป็นผู้แช่มชื่นมองดูตรงๆ มองดูผู้อื่นด้วยสายตาอันแสดงความรัก เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีตาเขียวสนิท มีตาดุจตาโค … ย่อมเป็นที่ต้องตาของชนหมู่มาก เป็นที่รักใคร่พอใจของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นหัวหน้าของชนเป็นอันมาก ในกุศลธรรมทั้งหลาย ได้เป็นประธานของชนเป็นอันมาก ในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการจำแนกทาน การสมาทานศีล การรักษาอุโบสถ การประพฤติเกื้อกูลในมารดาบิดา สมณพราหมณ์ การนอบน้อมต่อผู้เจริญในตระกูล ในอธิกุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีศีรษะรับกับกรอบหน้า … ย่อมเป็นผู้ที่มหาชนประพฤติตาม คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ ประพฤติตาม.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน…ได้เป็นผู้ละเว้นจากมุสาวาท พูดคำจริง หลั่งคำสัจจ์ เที่ยงแท้ ซื่อตรง ไม่หลอกลวงโลก เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้ว จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีขนขุมละเส้น มีอุณาโลมหว่างคิ้วขาวอ่อนดุจสำลี … ย่อมเป็นผู้ที่มหาชนเป็นไปใกล้ชิด คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ ใกล้ชิด.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ละเว้นวาจาส่อเสียด (คือคำยุให้แตกกัน) คือไม่ฟังจากข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายชนพวกนี้ ไม่ฟังจากข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายชนพวกโน้น เป็นผู้สมานพวกแตกกันแล้ว และส่งเสริมพวกที่พร้อมเพรียงกัน เป็นผู้ยินดีในการพร้อมเพรียง เพลินใน การพร้อมเพรียง กล่าวแต่วาจาที่ทำให้เกิดความพร้อมเพรียง เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้ว จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ อย่างนี้คือ มีฟันครบ ๔๐ ซี่ มีฟันสนิท ไม่ห่างกัน … ย่อมเป็นผู้มีบริษัท ไม่กระจัดกระจาย คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ เป็นบริษัทไม่กระจัดกระจาย.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ละเว้นการกล่าวคำหยาบ กล่าวแต่วาจาที่ไม่มีโทษ เป็นสุขแก่หู เป็นที่ตั้งแห่งความรักซึมซาบถึงใจ เป็นคำพูดของชาวเมือง เป็นที่พอใจและชอบใจของชนเป็นอันมาก เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ ย่อมได้ลักษณะของมหาบุรุษ๒ ข้อนี้คือ มีลิ้นอันเพียงพอ มีเสียงเหมือนพรหม พูดเหมือนนกการวิก … ย่อมเป็นผู้มีวาจาที่ผู้อื่นเอื้อเฟื้อเชื่อฟัง คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ เอื้อเฟื้อเชื่อฟัง.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ละเว้นการพูดเพ้อเจ้อ เป็นผู้กล่าวควรแก่เวลา กล่าวคำจริง กล่าวเป็นธรรม กล่าวมีอรรถ กล่าวเป็นวินัย กล่าวมีที่ตั้ง มีหลักฐาน มีที่สุด ประกอบด้วยประโยชน์ เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้ว ย่อมได้ลักษณะของมหาบุรุษข้อนี้คือ มีคางดุจคางราชสีห์ … ย่อมเป็นผู้ที่ศัตรู ทั้งภายในและภายนอกกำจัดไม่ได้ ศัตรูคือ ราคะ โทสะ โมหะ หรือ สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก กำจัดไม่ได้.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ในภพที่อยู่อาศัยก่อน ได้เป็นผู้ละมิจฉาชีพ มีการเลี้ยงชีพชอบ เว้นจาก การฉ้อโกงด้วยตาชั่ง ด้วยของปลอม ด้วยเครื่องตวงเครื่องวัด จากการโกงการลวง เว้นจากการตัด การฆ่า การผูกมัด การร่วมทำร้าย การปล้น การกรรโชก เพราะได้กระทำ ได้สร้างสม ได้พอกพูน ได้มั่วสุมกรรมนั้นๆ ไว้ ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ … ครั้นจุติจากภพนั้นมาสู่ ความเป็นมนุษย์อย่างนี้ จึงได้ลักษณะของมหาบุรุษ ๒ ข้อนี้คือ มีฟันอันเรียบเสมอ มีเขี้ยวขาวงาม … ย่อมเป็นผู้มีบริวารเป็นคนสะอาด คือ มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ เป็นบริวารอันสะอาด.
-บาลี ปา. ที. 11/157/130.
https://84000.org/tipitaka/pali/?11//157
https://etipitaka.com/read/pali/11/157/
English translation by Bhikkhu Sujato
“There are thirty-two marks of a great man. A great man who possesses these has only two possible destinies, no other. If he stays at home he becomes a king, a wheel-turning monarch, a just and principled king. His dominion extends to all four sides, he achieves stability in the country, and he possesses the seven treasures. He has the following seven treasures: the wheel, the elephant, the horse, the jewel, the woman, the treasurer, and the counselor as the seventh treasure. He has over a thousand sons who are valiant and heroic, crushing the armies of his enemies. After conquering this land girt by sea, he reigns by principle, without rod or sword. But if he goes forth from the lay life to homelessness, he becomes a perfected one, a fully awakened Buddha, who draws back the veil from the world. …
Seers who are outsiders remember these marks, but they do not know the specific deeds performed in the past to obtain each mark.
1. Well-Planted Feet
In some past lives, past existences, past abodes the Realized One was reborn as a human being. He firmly undertook and persisted in skillful behaviors such as good conduct by way of body, speech, and mind, giving and sharing, taking precepts, observing the sabbath, paying due respect to mother and father, ascetics and brahmins, honoring the elders in the family, and various other things pertaining to skillful behaviors. Due to performing, accumulating, heaping up, and amassing those deeds, when his body broke up, after death, he was reborn in a good place, a heavenly realm. There he surpassed the other gods in ten respects: divine life span, beauty, happiness, glory, sovereignty, sights, sounds, smells, tastes, and touches. When he passed away from there and came back to this state of existence he obtained this mark of a great man: he has well-planted feet. He places his foot on the ground evenly, raises it evenly, and touches the ground evenly with the whole sole of his foot…
2. Wheels on the Feet
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He brought happiness to many people, eliminating threats, terror, and danger, providing just protection and security, and giving gifts with all the trimmings. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: on the soles of his feet there are thousand-spoked wheels, with rims and hubs, complete in every detail and well divided inside…
3–5. Projecting Heels, Etc.
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He gave up killing living creatures, renouncing the rod and the sword. He was scrupulous and kind, living full of compassion for all living beings. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these three marks: he has projecting heels, long fingers, and his body is as straight as Brahmā’s…
6. Seven Bulges
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He was a donor of fine and tasty foods and drinks of all kinds, delicious and scrumptious. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: he has bulging muscles in seven places. He has bulges on both hands, both feet, both shoulders, and his chest…
7–8. Tender and Clinging Hands
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He brought people together using the four ways of being inclusive: giving, kindly words, taking care, and equality. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: his hands and feet are tender, and they cling gracefully…
9–10. Arched Feet and Upright Hair
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. His speech was meaningful and principled. He educated many people, bringing welfare and happiness, offering the teaching. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: his feet are arched and his hairs stand up…
11. Antelope Calves
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He was a thorough teacher of a profession, a branch of knowledge, conduct, or action, thinking: ‘How might they quickly learn and practice, without getting exhausted?’ Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: his calves are like those of an antelope…
12. Delicate Skin
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He approached an ascetic or brahmin and asked: ‘Sirs, what is skillful? What is unskillful? What is blameworthy? What is blameless? What should be cultivated? What should not be cultivated? Doing what leads to my lasting harm and suffering? Doing what leads to my lasting welfare and happiness?’ Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: he has delicate skin, so delicate that dust and dirt don’t stick to his body…
13. Golden Skin
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He wasn’t irritable or bad-tempered. Even when heavily criticized he didn’t lose his temper, become annoyed, hostile, and hard-hearted, or display annoyance, hate, and bitterness. He donated soft and fine mats and blankets, and fine cloths of linen, cotton, silk, and wool. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: he is gold colored; his skin has a golden sheen…
14. Privates in Foreskin
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He reunited long-lost and long-separated relatives, friends, loved ones, and companions. He reunited mother with child and child with mother; father with child and child with father; brother with brother, brother with sister, sister with brother, and sister with sister, bringing them together with rejoicing. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: his private parts are covered in a foreskin…
15–16. Equal Proportions and Touching the Knees
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He regarded the gathered population equally. He knew what they had in common and what was their own. He knew each person, and he knew the distinctions between people. In each case, he made appropriate distinctions between people: ‘This one deserves that; that one deserves this.’ Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: he has the proportional circumference of a banyan tree; and when standing upright and not bending over, the palms of both hands touch the knees…
17–19. A Lion’s Chest, Etc.
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He desired the good, the welfare, the comfort, and sanctuary of the people, thinking: ‘How might they flourish in faith, ethics, learning, generosity, teachings, and wisdom; in wealth and grain, fields and land, birds and beasts, children and partners; in bondservants, workers, and staff; in family, friends, and kin?’ Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these three marks: his chest is like that of a lion; the gap between the shoulder-blades is filled in; and his torso is cylindrical…
20. Excellent Sense of Taste
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He would never hurt any sentient being with fists, stones, rods, or swords. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: he has an excellent sense of taste. Taste-buds are produced in the throat for the tongue-tip and dispersed evenly…
21–22. Deep Blue Eyes
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. When looking at others he didn’t glare, look askance, or avert his eyes. Being straightforward, he reached out to others with straightforward intentions, looking at people with kindly eyes. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: his eyes are deep blue, and he has eyelashes like a cow’s…
23. Head Like a Turban
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He was the leader and forerunner of people in skillful behaviors such as good conduct by way of body, speech, and mind, giving and sharing, taking precepts, observing the sabbath, paying due respect to mother and father, ascetics and brahmins, honoring the elders in the family, and various other things pertaining to skillful behaviors. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: his head is shaped like a turban…
24–25. One Hair Per Pore, and a Tuft
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He refrained from lying. He spoke the truth and stuck to the truth. He was honest and trustworthy, and didn’t trick the world with his words. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: his hairs grow one per pore, and between his eyebrows there grows a tuft, soft and white like cotton-wool…
26–27. Forty Gapless Teeth
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He refrained from divisive speech. He didn’t repeat in one place what he heard in another so as to divide people against each other. Instead, he reconciled those who were divided, supporting unity, delighting in harmony, loving harmony, speaking words that promote harmony. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: he has forty teeth, and his teeth have no gaps…
28–29. A Large Tongue and the Voice of Brahmā
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He refrained from harsh speech. He spoke in a way that’s mellow, pleasing to the ear, lovely, going to the heart, polite, likable and agreeable to the people. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: he has a large tongue, and the voice of Brahmā, like a cuckoo’s call…
30. A Lion-Like Jaw
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He refrained from talking nonsense. His words were timely, true, and meaningful, in line with the teaching and training. He said things at the right time which were valuable, reasonable, succinct, and beneficial. Due to performing those deeds he was reborn in a heavenly realm. When he came back to this state of existence he obtained this mark: his jaw is like that of a lion…
31–32. Even and White Teeth
“Mendicants, in some past lives the Realized One was reborn as a human being. He gave up wrong livelihood and earned a living by right livelihood. He refrained from falsifying weights, metals, or measures; bribery, fraud, cheating, and duplicity; mutilation, murder, abduction, banditry, plunder, and violence. Due to performing, accumulating, heaping up, and amassing those deeds, when his body broke up, after death, he was reborn in a good place, a heavenly realm. There he surpassed the other gods in ten respects: divine life span, beauty, happiness, glory, sovereignty, sights, sounds, smells, tastes, and touches. When he came back to this state of existence he obtained these two marks: his teeth are even and perfectly white…