แม้พระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังต้องทำกาละ
… อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ มีเมืองขึ้นแปดหมื่นสี่พัน อันมีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุข มีปราสาทแปดหมื่นสี่พัน อันมีธรรมปราสาทเป็นประมุข มีเรือนยอดแปดหมื่นสี่พัน อันมีเรือนยอดมหาวิยูหะเป็นประมุข มีบัลลังแปดหมื่นสี่พัน ซึ่งทำด้วยทอง ทำด้วยเงิน ทำด้วยงา (ช้าง) ทำด้วยแก้วบุษราคัม ปูลาดด้วยขนเจียม ปูลาดด้วยสักหลาด ปูลาดด้วยผ้าปักเป็นลวดลาย ปูลาดด้วยหนังกวางอย่างดี มีพนักอันสูง มีนวมสีแดงทั้งสองข้าง มีช้างแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ (เครื่องประดับ) ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีพญาช้างตระกูลอุโบสถเป็นประมุข มีม้าแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีวลาหกอัศวราชเป็นประมุข มีรถแปดหมื่นสี่พัน อันหุ้มด้วยหนังราชสีห์ หุ้มด้วยหนังเสือโคร่ง หุ้มด้วยหนังเสือเหลือง และหุ้มด้วยผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีรถเวชยันต์เป็นประมุข มีแก้วแปดหมื่นสี่พัน อันมีมณีแก้วเป็นประมุข มีสตรีแปดหมื่นสี่พัน อันมีสุภัททาเทวีเป็นประมุข มีคหบดีแปดหมื่นสี่พัน อันมีคหบดีแก้วเป็นประมุข มีกษัตริย์ผู้สวามิภักดิ์แปดหมื่นสี่พัน อันมีปริณายกแก้วเป็นประมุข มีโคนมแปดหมื่นสี่พัน อันพร้อมจะให้น้ำนม จนเอาภาชนะรองได้ มีผ้าโขมพัสตร์ (ผ้าทอจากเยื่อไม้ เช่น ลินิน) เนื้ออย่างดี มีผ้าฝ้ายเนื้ออย่างดี มีผ้าไหมเนื้ออย่างดี และมีผ้ากัมพล (ผ้าขนสัตว์) เนื้ออย่างดี แปดหมื่นสี่พันโกฏิ มีพระกระยาหารเต็มภาชนะแปดหมื่นสี่พัน อันมีคนนำมาถวายทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้า.
อานนท์ ก็โดยสมัยนั้น ช้างแปดหมื่นสี่พัน มาสู่ที่เฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทั้งในเวลาเย็นและเวลาเช้า ครั้งนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงมีพระดำริว่า ช้างแปดหมื่นสี่พันของเราเหล่านี้ ย่อมมาสู่ที่เฝ้าทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้า อย่ากระนั้นเลย ควรให้ช้างจำนวนสี่หมื่นสองพัน มาสู่ที่เฝ้าโดยล่วงไป ๑๐๐ ปีต่อครั้ง อานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัสเรียกปริณายกแก้วมาตรัสว่า เพื่อนปริณายก ช้างแปดหมื่นสี่พันเหล่านี้ มาสู่ที่เฝ้าทั้งในเวลาเย็นและเวลาเช้า อย่ากระนั้นเลย ควรให้ช้างจำนวนสี่หมื่นสองพัน มาสู่ที่เฝ้าโดยล่วงไป ๑๐๐ ปีต่อครั้ง อานนท์ปริณายกแก้วรับสนองพระบรมราชโองการของพระเจ้ามหาสุทัสสนะแล้ว.
อานนท์ ลำดับนั้น โดยสมัยต่อมา ช้างมาสู่ที่เฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะคราวละสี่หมื่นสองพัน โดยล่วงไป ๑๐๐ ปีต่อครั้ง อานนท์ ครั้งนั้นแล โดยล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี พระนางสุภัททาเทวีทรงพระมีดำริว่า นานมาแล้วที่เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ถ้ากระไร (ในเวลานี้) เราควรไปเข้าเฝ้าพระองค์ ครั้งนั้น พระนางสุภัททาเทวีเรียกนางสนมมาตรัสว่า เธอทั้งหลาย มาเถิด จงอาบน้ำสระผมเสีย จงนุ่งห่มผ้าสีเหลือง นานมาแล้วที่พวกเราได้เข้าเฝ้า
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ (ในเวลานี้) พวกเราจักไปเข้าเฝ้าพระองค์ อานนท์ พวกนางสนมรับสนองพระราชสาวนีย์ของพระราชเทวีสุภัททา แล้วอาบน้ำสระผม นุ่งห่มผ้าสีเหลือง เข้าไปหาพระนางสุภัททาเทวี.
อานนท์ ครั้งนั้น พระนางสุภัททาเทวีเรียกปริณายกแก้วมาตรัสว่า พ่อปริณายกแก้ว ท่านจงจัดจตุรงคเสนา นานมาแล้วที่เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ (ในเวลานี้) เราจักไปเข้าเฝ้าพระองค์ ปริณายกแก้วรับสนองพระราชเสาวนีย์แล้ว จัดเตรียมจตุรงคเสนาไว้เรียบร้อย แล้วไปทูลว่า จตุรงคเสนาจัดพร้อมแล้ว ขอพระองค์จงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด.
อานนท์ ครั้งนั้นแล พระนางสุภัททาเทวี พร้อมด้วยจตุรงคเสนา พร้อมด้วยนางสนมเสด็จไปยังธรรมปราสาท ครั้นเสด็จขึ้นสู่ธรรมปราสาทแล้ว เสด็จเข้าไปสู่เรือนยอดมหาวิยูหะ แล้วประทับยืนเหนี่ยวบานประตูเรือนยอดมหาวิยูหะอยู่.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ยินเสียง จึงทรงพระดำริว่า เสียงอะไรหนอ เหมือนเสียงคนจำนวนมาก จึงได้เสด็จออกจากเรือนยอดมหาวิยูหะ ได้ทอดพระเนตรพระนางสุภัททาเทวียืนเหนี่ยวบานประตูอยู่ ครั้นแล้วได้ตรัสกะพระนางว่า เทวี เธอจงหยุดอยู่ที่นั่นแหละอย่าเข้ามาเลย.
อานนนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัสเรียกราชบุรุษคนหนึ่งมาตรัสว่า ท่านผู้เจริญ มานี่เถิด ท่านจงนำบัลลังก์ซึ่งทำด้วยทอง จากเรือนยอดมหาวิยูหะ ไปตั้งไว้ในสวนตาลอันทำด้วยทองล้วน อานนท์ ราชบุรุษเหล่านั้นรับสนองพระราชโองการแล้ว ยกบัลลังก์ซึ่งทำด้วยทอง จากเรือนยอดมหาวิยูหะ ไปตั้งไว้ในสวนตาลอันทำด้วยทองล้วน.
อานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงสำเร็จสีหไสยา ตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ.
อานนท์ ครั้งนั้นแล พระนางสุภัททาเทวีได้ทรงพระดำริว่า อินทรีย์ของพระเจ้ามหาสุทัสสนะผ่องใสยิ่งนัก พระฉวีวรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง พระเจ้ามหาสุทัสสนะอย่าได้ทรงทำกาละเลย พระนางจึงกราบทูลพระเจ้ามหาสุทัสสนะว่า
เทวะ พระนครแปดหมื่นสี่พัน อันมีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในพระนครเหล่านี้เถิด โปรดทำความใยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ ปราสาทแปดหมื่นสี่พัน อันมีธรรมปราสาทเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในปราสาทเหล่านี้ โปรดทำความใยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ เรือนยอดแปดหมื่นสี่พัน อันมีเรือนยอดมหาวิยูหะเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในเรือนยอดเหล่านี้ โปรดทำความใยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ บัลลังก์แปดหมื่นสี่พัน ซึ่งทำด้วยทอง ทำด้วยเงิน ทำด้วยงา (ช้าง) ทำด้วยแก้วบุษราคัม ปูลาดด้วยขนเจียม ปูลาดด้วยสักหลาด ปูลาดด้วยผ้าปักเป็นลวดลาย ปูลาดด้วยหนังกวางอย่างดี มีพนักอันสูง มีนวมสีแดงทั้งสองข้างเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในบัลลังก์เหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ ช้างแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ (เครื่องประดับ) ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีพญาช้างตระกูลอุโบสถ (อุโปสถนาคราช) เป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในช้างเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ ม้าแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ (เครื่องประดับ) ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีวลาหกอัศวราชเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในม้าเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ รถแปดหมื่นสี่พัน อันหุ้มด้วยหนังราชสีห์ หุ้มด้วยหนังเสือโคร่ง หุ้มด้วยหนังเสือเหลือง และหุ้มด้วยผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องอลังการ (เครื่องประดับ) ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีรถเวชยันต์เป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในรถเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ แก้วแปดหมื่นสี่พัน มีมณีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูล กระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในมณีแก้วเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ สตรีแปดหมื่นสี่พัน อันมีนางแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในสตรีเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ คหบดีแปดหมื่นสี่พัน อันมีคหบดีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในคหบดีเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ กษัตริย์ผู้สวามิภักดิ์แปดหมื่นสี่พัน อันมีปริณายกแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในกษัตริย์เหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ โคนมแปดหมื่นสี่พัน อันพร้อมจะให้น้ำนม จนเอาภาชนะรองได้เหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในโคนมเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ ผ้าโขมพัสตร์เนื้ออย่างดี ผ้าฝ้ายเนื้ออย่างดี ผ้าไหมเนื้ออย่างดี และผ้ากัมพลเนื้ออย่างดี แปดหมื่นสี่พันโกฏิเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดขึ้นในผ้าเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด.
เทวะ พระกระยาหารเต็มภาชนะแปดหมื่นสี่พัน อันมีคนนำมาถวายทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้าเหล่านี้ของทูลกระหม่อม ขอทูลกระหม่อมโปรดทำฉันทะให้เกิดในพระกระยาหารเหล่านี้ โปรดทำความไยดีในชีวิตเถิด ดังนี้.
อานนท์ เมื่อพระนางกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ตรัสตอบพระเทวีว่า เทวี เธอได้ทักทายเราด้วยของที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มาสิ้นกาลนาน แต่ว่าในกาลภายหลัง เธอจงทักทายเราด้วยของที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจเถิด.
พระนางทูลว่า เทวะ หม่อมฉันควรจะทูลพระองค์อย่างไร.
เทวี เธอจงทักทายเราอย่างนี้ว่า ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นโดยประการอื่น จากของรักของชอบใจทั้งสิ้นย่อมมี ทูลกระหม่อม อย่าได้มีความอาลัยในเวลาทำกาละเลย การทำกาละของผู้มีความอาลัยย่อมเป็นทุกข์ และการทำกาละของผู้มีความอาลัย บัณฑิตย่อมติเตียน ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในพระนครแปดหมื่นสี่พัน อันมีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในปราสาทแปดหมื่นสี่พัน อันมีธรรมปราสาทเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในเรือนยอดแปดหมื่นสี่พัน อันมีเรือนยอดมหาวิยูหะเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในบัลลังก์แปดหมื่นสี่พัน ซึ่งทำด้วยทอง ทำด้วยเงิน ทำด้วยงา (ช้าง) ทำด้วยแก้วบุษราคัม ปูลาดด้วยขนเจียม ปูลาดด้วยสักหลาด ปูลาดด้วยผ้าปักเป็นลวดลาย ปูลาดด้วยหนังกวางอย่างดี มีพนักอันสูง มีนวมสีแดงทั้งสองข้างเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในช้างแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ (เครื่องประดับ) ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีพญาช้างตระกูลอุโบสถ เป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในม้าแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีวลาหกอัศวราชเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในรถแปดหมื่นสี่พัน อันหุ้มด้วยหนังราชสีห์ หุ้มด้วยหนังเสือโคร่ง หุ้มด้วยหนังเสือเหลือง และหุ้มด้วยผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีรถเวชยันต์เป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในแก้วมณีแปดหมื่นสี่พัน อันมีมณีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในสตรีแปดหมื่นสี่พัน อันมีนางแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในคหบดีแปดหมื่นสี่พัน อันมีคหบดีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในกษัตริย์ผู้สวามิภักดิ์แปดหมื่นสี่พัน อันมีปริณายกแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในโคนมแปดหมื่นสี่พัน อันพร้อมจะให้น้ำนม จนเอาภาชนะรองได้เหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในผ้าโขมพัสตร์เนื้ออย่างดี ในผ้าฝ้ายเนื้ออย่างดี ในผ้าไหมเนื้ออย่างดี และในผ้ากัมพลเนื้ออย่างดี แปดหมื่นสี่พันโกฏิเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในพระกระยาหารเต็มภาชนะแปดหมื่นสี่พัน อันมีคนนำมาถวายทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้าเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย ดังนี้.
อานนท์ เมื่อพระเจ้ามหาสุทัสสนะตรัสอย่างนี้แล้ว พระนางสุภัททาเทวีทรงร้องไห้หลั่งน้ำตา.
อานนท์ ครั้งนั้นแล พระนางสุภัททาเทวีทรงเช็ดน้ำตาแล้ว ทูลพระเจ้ามหาสุทัสสนะว่า เทวะ ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นโดยประการอื่น จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี ทูลกระหม่อมอย่าได้มีความอาลัยในเวลาทำกาละเลย การทำกาละของผู้มีความอาลัยย่อมเป็นทุกข์ การทำกาละของผู้มีความอาลัย บัณฑิตย่อมติเตียน ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจในพระนครแปดหมื่นสี่พัน อันมีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในปราสาทแปดหมื่นสี่พัน อันมีธรรมปราสาทเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในเรือนยอดแปดหมื่นสี่พัน อันมีเรือนยอดมหาวิยูหะเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในบัลลังก์แปดหมื่นสี่พัน ซึ่งทำด้วยทอง ทำด้วยเงิน ทำด้วยงา (ช้าง) ทำด้วยแก้วบุษราคัม ปูลาดด้วยขนเจียม ปูลาดด้วยสักหลาด ปูลาดด้วยผ้าปักเป็นลวดลาย ปูลาดด้วยหนังกวางอย่างดี มีพนักอันสูง มีนวมสีแดงทั้งสองข้างเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในช้างแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีพญาช้างตระกูลอุโบสถเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในม้าแปดหมื่นสี่พัน อันมีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีวลาหกอัศวราชเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในรถแปดหมื่นสี่พัน อันหุ้มด้วยหนังราชสีห์ หุ้มด้วยหนังเสือโคร่ง หุ้มด้วยหนังเสือเหลือง และหุ้มด้วยผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องอลังการ ซึ่งทำด้วยทอง มีธงทำด้วยทอง มีตาข่ายเครื่องปกคลุมทำด้วยทอง มีรถเวชยันต์เป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในแก้วมณีแปดหมื่นสี่พัน อันมีมณีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในสตรีแปดหมื่นสี่พัน อันมีนางแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในคหบดีแปดหมื่นสี่พัน อันมีคหบดีแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในกษัตริย์ผู้สวามิภักดิ์แปดหมื่นสี่พัน อันมีปริณายกแก้วเป็นประมุขเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในโคนมแปดหมื่นสี่พัน อันพร้อมจะให้น้ำนม จนเอาภาชนะรองได้เหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในผ้าโขมพัสตร์เนื้ออย่างดี ในผ้าฝ้ายเนื้ออย่างดี ในผ้าไหมเนื้ออย่างดี และในผ้ากัมพลเนื้ออย่างดี แปดหมื่นสี่พันโกฏิเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย.
ขอทูลกระหม่อมโปรดละความพอใจ ในพระกระยาหารเต็มภาชนะแปดหมื่นสี่พัน อันมีคนนำมาถวายทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้าเหล่านี้ของทูลกระหม่อมเสียเถิด อย่าได้ทำความอาลัยในชีวิตเลย ดังนี้.
อานนท์ ต่อมาไม่นาน พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงทำกาละ อานนท์ คหบดีหรือบุตรแห่งคหบดี เมื่อบริโภคโภชนะ อันเป็นที่ชอบใจ ย่อมมึนเมาในอาหาร ฉันใด ความเสวยอารมณ์ในเวลาใกล้มรณะของพระเจ้ามหาสุทัสสนะได้เป็นฉันนั้นเหมือนกัน และพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ครั้นเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงเข้าถึงสุคติพรหมโลก.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงเล่นอย่างเด็กอยู่ประมาณแปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงตำแหน่งอุปราชอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงครอบครองราชสมบัติอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงเพศคฤหัสถ์ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมปราสาทแปดหมื่นสี่พันปี พระองค์ได้เจริญพรหมวิหารสี่ ภายหลังจากการตาย เพราะกายแตกทำลาย จึงเข้าถึงพรหมโลก.
อานนท์ เธอคงจะมีคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะคงจะเป็นผู้อื่นแน่ อานนท์ ข้อนี้เธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น อานนท์ สมัยนั้น เราได้เป็นพระเจ้ามหาสุทัสสนะ พระนครแปดหมื่นสี่พัน อันมีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุขเหล่านั้นเป็นของเรา …
อานนท์ เธอจงดูเถิด สังขารทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้ว อานนท์ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้ อานนท์ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
อานนท์ เรารู้ที่ที่ได้ทอดทิ้งร่างกายไว้ เราได้ทอดทิ้งร่างกายไว้ ณ สถานที่นี้ ในการที่เราได้เคยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ตั้งอยู่ในธรรม เป็นธรรมราชา มีทิศทั้ง ๔ เป็นที่สุด ผู้ชนะสงคราม มีชนบทถึงความมั่นคงถาวร ประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ ในครั้งนี้ การที่เราทอดทิ้งร่างกายไว้ ณ สถานที่นี้ นับเป็นครั้งที่ ๗ อานนท์ เราไม่เล็งเห็นสถานที่อื่นใดในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ที่ตถาคตจะทอดทิ้งสรีระไว้อีกเป็นครั้งที่ ๘ ดังนี้.
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไปสงบระงับสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นสุข ดังนี้.
(อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เตส วูปสโม สุโข)
-บาลี มหา. ที. 10/216/181.
https://84000.org/tipitaka/pali/?10//216
https://etipitaka.com/read/pali/10/216
English translation by Bhikkhu Sujato
6. Of All Cities
… King Mahāsudassana had 84,000 cities, with the royal capital of Kusāvatī foremost. He had 84,000 palaces, with the Palace of Principle foremost. He had 84,000 chambers, with the great foyer foremost. He had 84,000 couches made of gold, silver, ivory, and hardwood. They were spread with woollen covers—shag-piled, pure white, or embroidered with flowers—and spread with a fine deer hide, with a canopy above and red pillows at both ends. He had 84,000 bull elephants with gold adornments and banners, covered with gold netting, with the royal bull elephant named Sabbath foremost. He had 84,000 horses with gold adornments and banners, covered with gold netting, with the royal steed named Thundercloud foremost. He had 84,000 chariots upholstered with the hide of lions, tigers, and leopards, and cream rugs, with gold adornments and banners, covered with gold netting, with the chariot named Triumph foremost. He had 84,000 jewels, with the jewel-treasure foremost. He had 84,000 women, with Queen Subhaddā foremost. He had 84,000 householders, with the householder-treasure foremost. He had 84,000 aristocrat vassals, with the counselor-treasure foremost. He had 84,000 milk-cows with silken reins and bronze pails. He had 8,400,000,000 fine cloths of linen, cotton, silk, and wool. He had 84,000 servings of food, which were presented to him as offerings in the morning and evening.
Now at that time his 84,000 royal elephants came to attend on him in the morning and evening. Then King Mahāsudassana thought, ‘What if instead half of the elephants took turns to attend on me at the end of each century?’ He instructed the counselor-treasure to do this, and so it was done.
7. The Visit of Queen Subhaddā
Then, after many years, many hundred years, many thousand years had passed, Queen Subhaddā thought, ‘It is long since I have seen the king. Why don’t I go to see him?’
So the queen addressed the ladies of the harem, ‘Come, bathe your heads and dress in yellow. It is long since we saw the king, and we shall go to see him.’
‘Yes, ma’am,’ replied the ladies of the harem. They did as she asked and returned to the queen.
Then the queen addressed the counselor-treasure, ‘Dear counselor-treasure, please ready the army of four divisions. It is long since we saw the king, and we shall go to see him.’
‘Yes, my queen,’ he replied, and did as he was asked. He informed the queen, ‘My queen, the army of four divisions is ready, please go at your convenience.’
Then Queen Subhaddā together with the ladies of the harem went with the army to the Palace of Principle. She ascended the palace and went to the great foyer, where she stood leaning against a door-post.
Hearing them, the king thought, ‘What’s that, it sounds like a big crowd!’ Coming out of the foyer he saw Queen Subhaddā leaning against a door-post and said to her, ‘Please stay there, my queen, don’t enter in here.’
Then he addressed a certain man, ‘Come, mister, bring the golden couch from the great foyer and set it up in the golden palm grove.’
‘Yes, Your Majesty,’ that man replied, and did as he was asked. The king laid down in the lion’s posture—on the right side, placing one foot on top of the other—mindful and aware.
Then Queen Subhaddā thought, ‘The king’s faculties are so very clear, and the complexion of his skin is pure and bright. Let him not pass away!’ She said to him, ‘Sire, you have 84,000 cities, with the royal capital of Kusāvatī foremost. Arouse desire for these! Take an interest in life!’
And she likewise urged the king to live on by taking an interest in all his possessions as described above.
When the queen had spoken, the king said to her, ‘For a long time, my queen, you have spoken to me with loving, desirable, pleasant, and agreeable words. And yet in my final hour, your words are undesirable, unpleasant, and disagreeable!’
‘Then how exactly, Your Majesty, am I to speak to you?’
‘Like this, my queen: “Sire, we must be parted and separated from all we hold dear and beloved. Don’t pass away with concerns. Such concern is suffering, and it’s criticized. Sire, you have 84,000 cities, with the royal capital of Kusāvatī foremost. Give up desire for these! Take no interest in life!”’ And so on for all the king’s possessions.
When the king had spoken, Queen Subhaddā cried and burst out in tears. Wiping away her tears, the queen said to the king: ‘Sire, we must be parted and separated from all we hold dear and beloved. Don’t pass away with concerns. Such concern is suffering, and it’s criticized. Sire, you have 84,000 cities, with the royal capital of Kusāvatī foremost. Give up desire for these! Take no interest in life!’ And she continued, listing all the king’s possessions.
8. Rebirth in the Brahmā Realm
Not long after that, King Mahāsudassana passed away. And the feeling he had close to death was like a householder or their child falling asleep after eating a delectable meal.
When he passed away King Mahāsudassana was reborn in a good place, a Brahmā realm. Ānanda, King Mahāsudassana played children’s games for 84,000 years. He ruled as viceroy for 84,000 years. He ruled as king for 84,000 years. He led the spiritual life as a layman in the Palace of Principle for 84,000 years. And having developed the four Brahmā meditations, when his body broke up, after death, he was reborn in a good place, a Brahmā realm.
Now, Ānanda, you might think: ‘Surely King Mahāsudassana must have been someone else at that time?’ But you should not see it like that. I myself was King Mahāsudassana at that time.
Mine were the 84,000 cities, with the royal capital of Kusāvatī foremost. And mine were all the other possessions. …
See, Ānanda! All those conditioned phenomena have passed, ceased, and perished. So impermanent are conditions, so unstable are conditions, so unreliable are conditions. This is quite enough for you to become disillusioned, dispassionate, and freed regarding all conditions.
Six times, Ānanda, I recall having laid down my body at this place. And the seventh time was as a wheel-turning monarch, a just and principled king, at which time my dominion extended to all four sides, I achieved stability in the country, and I possessed the seven treasures. But Ānanda, I do not see any place in this world with its gods, Māras, and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, its gods and humans where the Realized One would lay down his body for the eighth time.”
That is what the Buddha said. Then the Holy One, the Teacher, went on to say:
“Oh! Conditions are impermanent,
their nature is to rise and fall;
having arisen, they cease;
their stilling is true bliss.”
English translation by T.W. Rhys Davids
… “The Great King of Glory, Ānanda, had four and eighty thousand cities, the chief of which was the royal city of Kusāvatī:
“Four and eighty thousand palaces, the chief of which was the Palace of Righteousness:
“Four and eighty thousand chambers, the chief of which was the chamber of the Great Complex:
“Four and eighty thousand divans, of gold, and silver, and ivory, and sandal wood, spread with long-haired rugs, and cloths embroidered with flowers, and magnificent antelope skins; covered with lofty canopies; and provided at both ends with purple cushions:
“Four and eighty thousand state elephants, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which the king of elephants, called ‘the Changes of the Moon,’ was chief:
“Four and eighty thousand state horses, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which ‘Thunder-cloud,’ the king of horses, was the chief:
“Four and eighty thousand chariots, with coverings of the skins of lions, and of tigers, and of panthers—of which the chariot called ‘the Flag of Victory’ was the chief:
“Four and eighty thousand gems, of which the Wondrous Gem was the chief:
“Four and eighty thousand wives, of whom the Queen of Glory was the chief:
“Four and eighty thousand yeomen, of whom the Wonderful Steward was the chief:
“Four and eighty thousand nobles, of whom the Wonderful Adviser was the chief:
“Four and eighty thousand cows, with jute trappings, and horns tipped with bronze:
“Four and eighty thousand myriads of garments, of delicate textures, of flax, and cotton, and silk, and wool:
“Four and eighty thousand dishes, in which, in the evening and in the morning, rice was served.
“Now at that time, Ānanda, the four and eighty thousand state elephants used to come every evening and every morning to be of service to the Great King of Glory.
“And this thought occurred to the Great King of Glory: ‘These eighty thousand elephants come every evening and every morning to be of service to me. Now, let the elephants come, O my friend, the Great Adviser, in alternate forty thousands, once each, every alternate hundred years!’
“Then, Ānanda, the Great King of Glory said to the Great Adviser: ‘O, my friend, the Great Adviser! These eighty thousand elephants come every evening and every morning to be of service to me. Now, let the elephants come, O my friend, the Great Adviser, in alternate forty thousands, once each, every alternate hundred years!’ ‘Even so, Lord!’ said the Wonderful Adviser, in assent, to the Great King of Glory.’
“From that time forth, Ānanda, the elephants came in alternate forty thousands, once each, every alternate hundred years.
“Now, Ānanda, after the lapse of many years, of many hundred years, of many thousand years, there occurred to the Queen of Glory this thought:
“’Tis long since I have beheld the Great King of Glory. Suppose, now, I were to go and visit the Great King of Glory.’
“Then, Ānanda, the Queen of Glory said to the women of the harem: ‘Arise now, dress your hair, and clad yourselves in fresh raiment. Tis long since we have beheld the Great King of Glory. Let us go and visit the Great King of Glory!’
“‘Even so, Lady!’ said the women of the harem, Ānanda, in assent, to the Queen of Glory. And they dressed their hair, and clad themselves in fresh raiment, and came near to the Queen of Glory.
“Then, Ānanda, the Queen of Glory said to the Great Adviser: ‘Arrange, O Great Adviser, the fourfold army in array. ’Tis long since I have beheld the Great King of Glory. I am about to go to visit the Great King of Glory.’
“‘Even so, O Queen!’ said the Great Adviser, Ānanda, in assent, to the Queen of Glory. And he set the fourfold army in array, and had the fact announced to the Queen of Glory in the words:
“‘The fourfold army, O Queen, is set for thee in array. Do now whatever seemeth to thee fit.’
“Then, Ānanda, the Queen of Glory, with the fourfold army, repaired, with the women of the harem, to the Palace of Righteousness. And when she had arrived there she mounted up into the Palace of Righteousness, and went on to the chamber of the Great Complex. And when she had reached it, she stopped and leant against the side of the door.
“When, Ānanda, the Great King of Glory heard the noise he thought: ‘What, now, may this noise, as of a great multitude of people, mean?’
“And going out from the chamber of the Great Complex, he beheld the Queen of Glory standing leaning up against the side of the door. And when he beheld her, he said to the Queen of Glory: ‘Stop there, O Queen! Enter not!’
“Then the Great King of Glory, Ānanda, said to one of his attendants: ‘Arise, good man! Take the golden couch out of the chamber of the Great Complex, and make it ready under that grove of palm trees which is all of gold.’
“‘Even so, Lord!’ said the man, in assent, to the Great King of Glory. And he took the golden couch out of the chamber of the Great Complex, and made it ready under that grove of palm trees which was all of gold.
“Then, Ānanda, the Great King of Glory laid himself down in the dignified way a lion does; and lay with one leg resting on the other, calm and self-possessed.
“Then, Ānanda, there occurred to the Queen of Glory this thought:
“‘How calm are all the limbs of the Great King of Glory! How clear and bright is his appearance! O may it not be that the Great King of Glory is dead!’
“And she said to the Great King of Glory:
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand cities, the chief of which is the royal city of Kusāvatī. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand palaces, the chief of which is the Palace of Righteousness. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand chambers, the chief of which is the chamber of the Great Complex. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand divans, of gold, and silver, and ivory, and sandal wood, spread with long-haired rugs, and cloths embroidered with flowers, and magnificent antelope skins; covered with lofty canopies; and provided at both ends with purple cushions. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand state elephants, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network,-of which the king of elephants, called “the Changes of the Moon,” is chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand state horses, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network, of which “Thunder-cloud,” the king of horses, is the chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand chariots, with coverings of the skins of lions, and of tigers, and of panthers,-of which the chariot called “the Flag of Victory” is the chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand gems, of which the Wondrous Gem is the chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand wives, of whom the Queen of Glory is the chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand yeomen, of whom the Wonderful Steward is the chief. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand nobles, of whom the Wonderful Adviser is the chief Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand cows, with jute trappings, and horns tipped with bronze. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand myriads of garments, of delicate textures, of flax, and cotton, and silk, and wool. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!
“‘Thine, O King, are those four and eighty thousand dishes, in which, in the evening and in the morning, rice is served. Arise, O King, re-awaken thy desire for these! Quicken thy longing after life!’
“When she had thus spoken, Ānanda, the Great King of Glory said to the Queen of Glory:
“‘Long hast thou addressed me, O Queen, in pleasant words, much to be desired, and sweet. Yet now in this last time you speak in words unpleasant, disagreeable, not to be desired.’
“‘How then, O King, shall I address thee?’
“‘Thus, O Queen, shouldst thou address me—The nature of all things near and dear to us, O King, is such that we must leave them, divide ourselves from them, separate ourselves from them. Pass not away, O King, with longing in thy heart. Sad is the death of him who longs, unworthy is the death of him who longs. Thine, O King, are these four and eighty thousand cities, the chief of which is the royal city of Kusāvatī. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand palaces, the chief of which is the Palace of Righteousness. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand chambers, the chief of which is the chamber of the Great Complex. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand divans, of gold, and silver, and ivory, and sandal wood, spread with long-haired rugs, and cloths embroidered with flowers, and magnificent antelope skins; covered with lofty canopies; and provided at both ends with purple cushions. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand state elephants, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which the king of elephants, called “the Changes of the Moon,” is chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand state horses, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which “Thunder-cloud,” the king of horses, is the chief Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand chariots, with coverings of the skins of lions, and of tigers, and of panthers—of which the chariot called “the Flag of Victory” is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand gems, of which the Wondrous Gem is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand wives, of whom the Queen of Glory is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand yeomen, of whom the Wonderful Steward is the chief Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand nobles, of whom the Wonderful Adviser is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and. eighty thousand cows, with jute trappings, and horns tipped with bronze. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand myriads of garments, of delicate textures, of flax, and cotton, and silk, and wool. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand dishes, in which, in the evening and in the morning, rice is served. Cast away desire for these! Long not after life!’
“When he thus spake, Ānanda, the Queen of Glory wept and poured forth tears.
“Then, Ānanda, the Queen of Glory wiped away her tears, and addressed the Great King of Glory, and said:
“‘The nature of all things near and dear to us, O King, is such that we must leave them, divide ourselves from them, separate ourselves from them. Pass not away, O King, with longing in thy heart. Sad is the death of him who longs, unworthy is the death of him who longs. Thine, O King, are these four and eighty thousand cities, the chief of which is the royal city of Kusāvatī. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand palaces, the chief of which is the Palace of Righteousness. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand chambers, the chief of which is the chamber of the Great Complex. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand divans, of gold, and silver, and ivory, and sandal wood, spread with long-haired rugs, and cloths embroidered with flowers, and magnificent antelope skins; covered with lofty canopies; and provided at both ends with purple cushions. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand state elephants, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which the king of elephants, called “the Changes of the Moon,” is chief Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand state horses, with trappings of gold, and gilded flags, and golden coverings of network—of which “Thunder-cloud,” the king of horses, is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand chariots, with coverings of the skins of lions, and of tigers, and of panthers—of which the chariot called “the Flag of Victory” is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand gems, of which the Wondrous Gem is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand wives, of whom the Queen of Glory is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand yeomen, of whom the Wonderful Steward is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand nobles, of whom the Wonderful Adviser is the chief. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand cows, with jute trappings, and horns tipped with bronze. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand myriads of garments, of delicate textures, of flax, and cotton, and silk, and wool. Cast away desire for these! Long not after life!
“‘Thine, O King, are these four and eighty thousand dishes, in which, in the evening and in the morning, rice is served. Cast away desire for these! Long not after life!
“Then immediately, Ānanda, the Great King of Glory died. Just, Ānanda, as when a yeoman has eaten a hearty meal he becomes all drowsy, just so were the feelings he experienced, Ānanda, as death came upon the Great King of Glory.
“When the Great King of Glory, Ānanda, had died, he came to life again in the happy world of Brahmā.
“For eight and forty thousand years, Ānanda, the Great King of Glory lived the happy life of a prince; for eight and forty thousand years he was viceroy and heir-apparent; for eight and forty thousand years he ruled the kingdom; and for eight and forty thousand years he lived, as a layman, the noble life in the Palace of Righteousness. And then, when full of noble thoughts, he died; he entered, after the dissolution of the body, the noble world of Brahma.
“Now it may be, Ānanda, that you may think ‘The Great King of Glory of that time was another person.’ But, Ānanda, you should not view the matter thus. I at that time was the Great King of Glory.
“Mine at that time were the four and eighty thousand cities, of which the chief was the royal city of Kusāvatī. …
“See, Ānanda, how all these things are now past, are ended, have vanished away. Thus impermanent, Ānanda, are component things; thus transitory, Ānanda, are component things; thus untrustworthy, Ānanda, are component things. Insomuch, Ānanda, is it meet to be weary of, is it meet to be estranged from, is it meet to be set quite free from the bondage of all component things!
“Now I call to mind, Ānanda, how in this spot my body had been six times buried. And when I was dwelling here as the righteous king who ruled in righteousness, the lord of the four regions of the earth, the conqueror, the protector of his people, the possessor of the seven royal treasures— that was the seventh time.
“But I behold not any spot, Ānanda, in the world of men and gods, nor in the world of Māra, nor in the world of Brahma—no, not among the race of Samaṇas or Brahmans, of gods or men— where the Tathāgata for the eighth time will lay aside his body.”
Thus spake the Blessed One; and when the Happy One had thus spoken, once again the Teacher said:
“How transient are all component things!
Growth is their nature and decay:
They are produced, they are dissolved again:
Their stilling is happiness.”