ความแตกต่างระหว่างปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ กับอริยสาวกผู้ได้สดับ เมื่อได้รับเวทนา
ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมเสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง แม้อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ก็ย่อมเสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง ภิกษุทั้งหลาย ในบรรดาชน ๒ จำพวกนั้น อะไรเป็นความแปลกกัน อะไรเป็นความแตกต่างกัน อะไรเป็นความมุ่งหมายที่ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ภันเต ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง สาธุ ภันเต ขอให้เนื้อความแห่งภาษิตนั้น โปรดแจ่มแจ้งแก่พระผู้มีพระภาคเองเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จังทรงจำไว้.
ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน ทุบอกคร่ำครวญ ย่อมถึงความมีสติฟั่นเฟือน เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือ เวทนาทางกาย และเวทนาทางใจ ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนู พึงยิงบุรุษด้วยลูกศร แล้วยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ อีก ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้น เพราะถูกยิงด้วยลูกศร ๒ ดอกอย่างนี้ ย่อมเสวยเวทนาทั้งทางกายและทางใจ ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน ทุบอกคร่ำครวญ ย่อมถึงความมีสติฟั่นเฟือน เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือ เวทนาทางกายและเวทนาทางใจ.
อนึ่ง เขาเป็นผู้มีความขัดเคือง (ปฏิฆะ) เพราะทุกขเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยใด ที่เกิดเพราะทุกขเวทนา ปฏิฆานุสัยนั้น ย่อมนอนเนื่องอยู่กะเขา ผู้มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนา เขาเป็นผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อม (น้อมนึก) พอใจในกามสุข ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ภิกษุทั้งหลาย ข้อนั้นเพราะเหตุว่า ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับนั้น ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งอุบายอื่น อันเป็นเครื่องสลัดออกจากทุกขเวทนานอกจากกามสุข และเมื่อเขาพอใจในกามสุขอยู่ ราคานุสัยใด ที่เกิดเพราะสุขเวทนา ราคานุสัยนั้น ย่อมนอนเนื่องอยู่กะเขา เขาย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ (อัสสาทะ) โทษ (อาทีนวะ) และอุบายเป็นเครื่องสลัดออก (นิสสรณะ) จากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเขาไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง อวิชชานุสัยใดที่เกิดเพราะอทุกขมสุขเวทนา อวิชชานุสัยนั้นย่อมนอนเนื่องอยู่กะแก่เขา เขานั้น ถ้าเสวยสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเสวยทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ติดพันเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ประกอบด้วยชาติ ชรามรณะ โสกปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า เป็นผู้ติดพันแล้วด้วยทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่กระวนกระวาย ไม่ร่ำไรรำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความมีสติฟั่นเฟือน เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนู พึงยิงบุรุษด้วยลูกศรแล้ว ไม่พึงยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้นย่อมเสวยเวทนาเพราะลูกศรดอกเดียว ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน อริยสาวกผู้ได้สดับ ผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่กระวนกระวาย ไม่ร่ำไรรำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความมีสติฟั่นเฟือน เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ.
อนึ่ง เธอย่อมเป็นผู้ไม่มีความขัดเคือง (ปฏิฆะ) เพราะทุกขเวทนานั้น ปฏิฆานุสัยใด ที่เกิดเพราะทุกขเวทนา ปฏิฆานุสัยนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่กะเธอ ผู้ไม่มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนา เธอผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่ (น้อมนึก) พอใจกามสุข ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ภิกษุทั้งหลาย ข้อนั้นเพราะเหตุว่า อริยสาวกผู้ได้สดับนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งอุบายอื่น อันเป็นเครื่องสลัดออกจากทุกขเวทนานอกจากกามสุข เมื่อเธอไม่พอใจกามสุขอยู่ ราคานุสัยใด ทีี่เกิดเพราะสุขเวทนา ราคานุสัยนั้นย่อมไม่นอนเนื่องอยู่กะเธอ เธอย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเธอรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง อวิชชานุสัยใด ที่เกิดเพราะอทุกขมสุขเวทนา อวิชชานุสัยนั้นย่อมไม่นอนเนื่องอยู่กะเธอ ถ้าเธอเสวยสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ไม่ติดพันเสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเสวยทุกขเวทนา ย่อมเป็นผู้ไม่ติดพันเสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ไม่ติดพันเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่ติดพันแล้วด้วยชาติ ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่ติดพันแล้วด้วยทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล เป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ.
อริยสาวกนั้นเป็นผู้มีปัญญา ทั้งเป็นพหูสูต
ย่อมไม่เสวยทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา
นี้แล เป็นความแปลกกัน ระหว่างธีรชนผู้ฉลาดกับปุถุชน
ธรรมที่น่าปรารถนา ย่อมไม่ย่ำยีจิตของอริยสาวกนั้น
ผู้มีธรรมอันรู้แจ้งแล้ว เป็นพหูสูต เห็นแจ้งโลกนี้และโลกหน้าอยู่
ท่านย่อมไม่ถึงความขัดเคืองเพราะอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา
อนึ่ง ความยินดีหรือความยินร้ายถูกท่านกำจัดแล้ว
(ถึงความ) ตั้งอยู่ไม่ได้ ย่อมไม่มี (อีกต่อไป)
อริยสาวกนั้นรู้ทางดำเนินอันปราศจากธุลี และไม่มีความเศร้าโศก
ย่อมเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ (เพราะ) รู้โดยชอบ.
-บาลี สฬา.สํ. 18/257/369.
https://84000.org/tipitaka/pali/?18//257
https://etipitaka.com/read/pali/18/257/
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, an uneducated ordinary person feels pleasant, painful, and neutral feelings. An educated noble disciple also feels pleasant, painful, and neutral feelings. What, then, is the difference between an ordinary uneducated person and an educated noble disciple?”
“Our teachings are rooted in the Buddha. …”
“When an uneducated ordinary person experiences painful physical feelings they sorrow and wail and lament, beating their breast and falling into confusion. They experience two feelings: physical and mental.
It’s like a person who is struck with an arrow, only to be struck with a second arrow. That person experiences the feeling of two arrows.
In the same way, when an uneducated ordinary person experiences painful physical feelings they sorrow and wail and lament, beating their breast and falling into confusion. They experience two feelings: physical and mental.
When they’re touched by painful feeling, they resist it. The underlying tendency for repulsion towards painful feeling underlies that.
When touched by painful feeling they look forward to enjoying sensual pleasures. Why is that? Because an uneducated ordinary person doesn’t understand any escape from painful feeling apart from sensual pleasures. Since they look forward to enjoying sensual pleasures, the underlying tendency to greed for pleasant feeling underlies that.
They don’t truly understand feelings’ origin, ending, gratification, drawback, and escape. The underlying tendency to ignorance about neutral feeling underlies that.
If they feel a pleasant feeling, they feel it attached. If they feel a painful feeling, they feel it attached. If they feel a neutral feeling, they feel it attached.
They’re called an uneducated ordinary person who is attached to rebirth, old age, and death, to sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress, I say.
When an educated noble disciple experiences painful physical feelings they don’t sorrow or wail or lament, beating their breast and falling into confusion. They experience one feeling: physical, not mental.
It’s like a person who is struck with an arrow, but was not struck with a second arrow. That person would experience the feeling of one arrow.
In the same way, when an educated noble disciple experiences painful physical feelings they don’t sorrow or wail or lament, beating their breast and falling into confusion. They experience one feeling: physical, not mental.
When they’re touched by painful feeling, they don’t resist it. There’s no underlying tendency for repulsion towards painful feeling underlying that.
When touched by painful feeling they don’t look forward to enjoying sensual pleasures. Why is that? Because an educated noble disciple understands an escape from painful feeling apart from sensual pleasures. Since they don’t look forward to enjoying sensual pleasures, there’s no underlying tendency to greed for pleasant feeling underlying that.
They truly understand feelings’ origin, ending, gratification, drawback, and escape. There’s no underlying tendency to ignorance about neutral feeling underlying that.
If they feel a pleasant feeling, they feel it detached. If they feel a painful feeling, they feel it detached. If they feel a neutral feeling, they feel it detached.
They’re called an educated noble disciple who is detached from rebirth, old age, and death, from sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress, I say.
This is the difference between an educated noble disciple and an uneducated ordinary person.
A wise and learned person isn’t affected
by feelings of pleasure and pain.
This is the great difference in skill
between the wise and the ordinary.A learned person who has assessed the teaching
discerns this world and the next.
Desirable things don’t disturb their mind,
nor are they repelled by the undesirable.Both favoring and opposing
are cleared and ended, they are no more.
Knowing the stainless, sorrowless state,
they who have gone beyond rebirth understand rightly.”
English translation by Bhikkhu Bodhi
“Bhikkhus, the uninstructed worldling feels a pleasant feeling, a painful feeling, and a neither-painful-nor-pleasant feeling. The instructed noble disciple too feels a pleasant feeling, a painful feeling, and a neither-painful-nor-pleasant feeling. Therein, bhikkhus, what is the distinction, the disparity, the difference between the instructed noble disciple and the uninstructed worldling?”
“Venerable sir, our teachings are rooted in the Blessed One, guided by the Blessed One, take recourse in the Blessed One. It would be good if the Blessed One would clear up the meaning of this statement. Having heard it from him, the bhikkhus will remember it.”
“Then listen and attend closely, bhikkhus, I will speak.”
“Yes, venerable sir,” the bhikkhus replied. The Blessed One said this:
“Bhikkhus, when the uninstructed worldling is being contacted by a painful feeling, he sorrows, grieves, and laments; he weeps beating his breast and becomes distraught. He feels two feelings—a bodily one and a mental one. Suppose they were to strike a man with a dart, and then they would strike him immediately afterwards with a second dart, so that the man would feel a feeling caused by two darts. So too, when the uninstructed worldling is being contacted by a painful feeling … he feels two feelings—a bodily one and a mental one.
“Being contacted by that same painful feeling, he harbours aversion towards it. When he harbours aversion towards painful feeling, the underlying tendency to aversion towards painful feeling lies behind this. Being contacted by painful feeling, he seeks delight in sensual pleasure. For what reason? Because the uninstructed worldling does not know of any escape from painful feeling other than sensual pleasure. When he seeks delight in sensual pleasure, the underlying tendency to lust for pleasant feeling lies behind this. He does not understand as it really is the origin and the passing away, the gratification, the danger, and the escape in the case of these feelings. When he does not understand these things, the underlying tendency to ignorance in regard to neither-painful-nor-pleasant feeling lies behind this.
“If he feels a pleasant feeling, he feels it attached. If he feels a painful feeling, he feels it attached. If he feels a neither-painful-nor-pleasant feeling, he feels it attached. This, bhikkhus, is called an uninstructed worldling who is attached to birth, aging, and death; who is attached to sorrow, lamentation, pain, displeasure, and despair; who is attached to suffering, I say.
“Bhikkhus, when the instructed noble disciple is contacted by a painful feeling, he does not sorrow, grieve, or lament; he does not weep beating his breast and become distraught. He feels one feeling—a bodily one, not a mental one. Suppose they were to strike a man with a dart, but they would not strike him immediately afterwards with a second dart, so that the man would feel a feeling caused by one dart only. So too, when the instructed noble disciple is contacted by a painful feeling … he feels one feeling—a bodily one, not a mental one.
“Being contacted by that same painful feeling, he harbours no aversion towards it. Since he harbours no aversion towards painful feeling, the underlying tendency to aversion towards painful feeling does not lie behind this. Being contacted by painful feeling, he does not seek delight in sensual pleasure. For what reason? Because the instructed noble disciple knows of an escape from painful feeling other than sensual pleasure. Since he does not seek delight in sensual pleasure, the underlying tendency to lust for pleasant feeling does not lie behind this. He understands as it really is the origin and the passing away, the gratification, the danger, and the escape in the case of these feelings. Since he understands these things, the underlying tendency to ignorance in regard to neither-painful-nor-pleasant feeling does not lie behind this.
“If he feels a pleasant feeling, he feels it detached. If he feels a painful feeling, he feels it detached. If he feels a neither-painful-nor-pleasant feeling, he feels it detached. This, bhikkhus, is called a noble disciple who is detached from birth, aging, and death; who is detached from sorrow, lamentation, pain, displeasure, and despair; who is detached from suffering, I say.
“This, bhikkhus, is the distinction, the disparity, the difference between the instructed noble disciple and the uninstructed worldling.”
The wise one, learned, does not feel
The pleasant and painful mental feeling.
This is the great difference between
The wise one and the worldling.For the learned one who has comprehended Dhamma,
Who clearly sees this world and the next,
Desirable things do not provoke his mind,
Towards the undesired he has no aversion.For him attraction and repulsion no more exist;
Both have been extinguished, brought to an end.
Having known the dust-free, sorrowless state,
The transcender of existence rightly understands.
English translation by Bhikkhu Suddhāso
“Monks, the uneducated commoner feels pleasant feelings, unpleasant feelings, and neutral feelings. Monks, an educated disciple of the noble ones also feels pleasant feelings, unpleasant feelings, and neutral feelings. Monks, in this case, what is the difference, what is the distinction, what is the variance between an educated disciple of the noble ones and an uneducated commoner?”
“Bhante, our teachings are rooted in the Blessed One, guided by the Blessed One, based on the Blessed One. Bhante, it would be wonderful if the Blessed One would elucidate the meaning of this statement. Having heard it from from the Blessed One, the monks will remember it.”
“Therefore, monks, listen and carefully pay attention; I will speak.”
“Yes, Bhante,” those monks replied to the Blessed One. The Blessed One said this:
“Monks, when an uneducated commoner is touched by a painful sensation, he sorrows, frets, and laments, beating his chest and wailing, and becomes confused. He feels two feelings – one physical and one mental. Monks, it is just like a person who has been pierced by a thorn. Then he is pierced again by a second thorn. Monks, in this way, the person feels the feeling of two thorns.
“Monks, in the same way, when an uneducated commoner is touched by a painful sensation, he sorrows, frets, and laments, beating his chest and wailing, and becomes confused. He feels two feelings – physical and mental. When touched by that painful feeling, he is aversive. Since he is aversive towards that painful feeling, the tendency of aversion towards painful feelings is latent in him.
“When touched by painful feelings, he seeks delight in sensual pleasure. Why is that? Monks, an uneducated commoner does not know any escape from painful feelings other than sensual pleasure. Since he seeks delights in sensual pleasure, the tendency of passion towards pleasant feelings is latent in him.
“He does not accurately understand the origin, disappearance, appeal, drawback, and escape regarding those feelings. Since he does not accurately understand the origin, disappearance, appeal, drawback, and escape regarding those feelings, the tendency of ignorance towards neutral feelings is latent in him.
“If he feels a pleasant feeling, he is trapped. If he feels a painful feeling, he is trapped. If he feels a neutral feeling, he is trapped. Monks, this is called ‘An uneducated commoner is trapped by birth, decay, death, sorrow, lamentation, pain, depression, and anguish; he is trapped by dissatisfaction,’ I say.
“Monks, when an educated disciple of the noble ones is touched by a painful sensation, he does not sorrow, fret, lament, beat his chest, wail, or become confused. He feels one feeling – physical, not mental. Monks, it is just like a person who has been pierced by a thorn. But he is not pierced again by a second thorn. Monks, in this way, the person feels the feeling of only one thorn.
“Monks, in the same way, when an educated disciple of the noble ones is touched by a painful sensation, he does not sorrow, fret, lament, beat his chest, wail, or become confused. He feels one feeling – physical, not mental. When touched by that painful feeling, he is not aversive. Since he is not aversive towards that painful feeling, the tendency of aversion towards painful feelings is not latent in him.
“When touched by painful feelings, he does not seek delight in sensual pleasure. Why is that? Monks, an educated disciple of the noble ones knows an escape from painful feelings other than sensual pleasure. Since he does not seek delight in sensual pleasure, the tendency of passion towards pleasant feelings is not latent in him.
“He accurately understands the origin, disappearance, appeal, drawback, and escape regarding those feelings. Since he accurately understands the origin, disappearance, appeal, drawback, and escape regarding those feelings, the tendency of ignorance towards neutral feelings is not latent in him.
“If he feels a pleasant feeling, he is not trapped. If he feels a painful feeling, he is not trapped. If he feels a neutral feeling, he is not trapped. Monks, this is called ‘An educated disciple of the noble ones is not trapped by birth, decay, death, sorrow, lamentation, pain, depression, and anguish; he is not trapped by dissatisfaction,’ I say.
“Monks, this is the difference, the distinction, the variance between an educated disciple of the noble ones and an uneducated commoner.
“The wise one who has learned much
Does not feel pleasure or pain.
This is the great distinction
Between a steadfast wholesome one and a commoner.“When one has learned much of the recognized teachings,
Seeing clearing both this world and other worlds,
Then one‘s mind is not agitated by desirable things
Or aversive towards what is undesirable.“For that one, both approval and rejection
Have been vaporized, have disappeared, and do not exist.
Having known the path, flawless and sorrowless,
One fully understands, and transcends existence.”