มหาธรรมสมาทานสูตร (ว่าด้วยธรรมสมาทาน ๔)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย … แล้วตรัสดังนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย โดยมากสัตว์ทั้งหลาย มีความปรารถนา มีความพอใจ มีความประสงค์อย่างนี้ว่า โอหนอ ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ พึงเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา ที่น่ารักใคร่ ที่น่าชอบใจ พึงเจริญยิ่งขึ้นเถิด ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อสัตว์เหล่านั้นมีความปรารถนา มีความพอใจ มีความประสงค์อย่างนี้ แต่ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ส่วนธรรมที่น่าปรารถนา ที่น่ารักใคร่ ที่น่าชอบใจย่อมเสื่อมไป ภิกษุทั้งหลาย ในข้อนั้น พวกเธอย่อมเข้าใจเหตุนั้นว่าอย่างไร.
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ภันเต ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง สาธุ ภันเต ขอพระผู้มีพระภาค โปรดอธิบายเนื้อความแห่งภาษิตนั้นให้แจ่มแจ้งเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น พวกเธอจงฟัง จงทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว.
ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับในกรณีนี้ ไม่ได้เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้ฝึกฝนในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้เห็นสัปบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษ ไม่ได้ฝึกฝนในธรรมของสัปบุรุษ ย่อมไม่รู้จักธรรมที่ควรเสพ ไม่รู้จักธรรมที่ไม่ควรเสพ ไม่รู้จักธรรมที่ควรคบ ไม่รู้จักธรรมที่ไม่ควรคบ เมื่อไม่รู้จักธรรมที่ควรเสพ ไม่รู้จักธรรมที่ไม่ควรเสพ ไม่รู้จักธรรมที่ควรคบ ไม่รู้จักธรรมที่ไม่ควรคบ ก็เสพธรรมที่ไม่ควรเสพ ไม่เสพธรรมที่ควรเสพ คบธรรมที่ไม่ควรคบ ไม่คบธรรมที่ควรคบ เมื่อเสพธรรมที่ไม่ควรเสพ ไม่เสพธรรมที่ควรเสพ คบธรรมที่ไม่ควรคบ ไม่คบธรรมที่ควรคบ ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น และธรรมที่น่าปรารถนา ที่น่ารักใคร่ ที่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะปุถุชนไม่รู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวกผู้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยะ ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ได้ฝึกฝนดีแล้วในธรรมของพระอริยะ ได้เห็นสัปบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษ ได้ฝึกฝนดีแล้วในธรรมของสัปบุรุษ รู้จักธรรมที่ควรเสพ รู้จักธรรมที่ไม่ควรเสพ รู้จักธรรมที่ควรคบ รู้จักธรรมที่ไม่ควรคบ เมื่อรู้จักธรรมที่ควรเสพ รู้จักธรรมที่ไม่ควรเสพ รู้จักธรรมที่ควรคบ รู้จักธรรมที่ไม่ควรคบ ก็ไม่เสพธรรมที่ไม่ควรเสพ เสพธรรมที่ควรเสพ ไม่คบธรรมที่ไม่ควรคบ คบธรรมที่ควรคบ เมื่อไม่เสพธรรมที่ไม่ควรเสพ เสพธรรมที่ควรเสพ ไม่คบธรรมที่ไม่ควรคบ คบธรรมที่ควรคบ ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา ที่น่ารักใคร่ ที่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ข้อนั่นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะอริยสาวกรู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้มี ๔ อย่าง ๔ อย่างอะไรบ้าง คือ ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไปก็มี ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไปก็มี ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไปก็มี ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไปก็มี.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลไม่รู้จักธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป เมื่อไม่รู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น และธรรมที่น่าปรารถนา ที่น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นไม่รู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลไม่รู้จักธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป เมื่อไม่รู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นไม่รู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลไม่รู้จักธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป เมื่อไม่รู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นไม่รู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลไม่รู้จักธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ย่อมไม่รู้ชัดตามความจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป เมื่อไม่รู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยอวิชชา ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นไม่รู้ถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลรู้จักธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป ถึงพร้อมด้วยวิชชา ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป เมื่อรู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยวิชชา รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นรู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลรู้จักธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป ถึงพร้อมด้วยวิชชา ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป เมื่อรู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยวิชชา รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อไม่เสพธรรมสมาทานนั้น ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นรู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลรู้จักธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป ถึงพร้อมด้วยวิชชา ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป เมื่อรู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยวิชชา รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นรู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาธรรมสมาทานเหล่านั้น บุคคลรู้จักธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป ถึงพร้อมด้วยวิชชา ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ธรรมสมาทานนี้แล มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป เมื่อรู้จักธรรมสมาทานนั้น ถึงพร้อมด้วยวิชชา รู้ชัดตามความเป็นจริง จึงเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น เมื่อเสพธรรมสมาทานนั้น ไม่ละเว้นธรรมสมาทานนั้น ธรรมที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ ย่อมเสื่อมไป และธรรมที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าชอบใจ ย่อมเจริญยิ่งขึ้น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เป็นเพราะบุคคลนั้นรู้อย่างถูกต้อง.
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป เป็นอย่างไร คือ ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ฆ่าสัตว์ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะปาณาติบาตเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะอทินนาทานเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ประพฤติผิดในกาม เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดเท็จ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะมุสาวาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดส่อเสียด เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะปิสุณาวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดคำหยาบ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะผรุสวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะสัมผัปปลาปะเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีอภิชฌา (เพ่งเล็งทรัพย์ผู้อื่น) มาก เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะอภิชฌาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีจิตพยาบาท เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะพยาบาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนมีความเห็นผิด เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีผลเป็นทุกข์ต่อไป.
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป เป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ฆ่าสัตว์ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะปาณาติบาตเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะอทินนาทานเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ประพฤติผิดในกาม เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดเท็จ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะมุสาวาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้พูดส่อเสียด เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะปิสุณาวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีพูดคำหยาบ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะผรุสวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้กล่าวพูดเพ้อเจ้อ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะสัมผัปปลาปะเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีอภิชฌามาก เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะอภิชฌาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีจิตพยาบาท เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะพยาบาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีความเห็นผิด เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินินาต นรก ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีสุขในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป.
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป เป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากปาณาติบาตเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากอทินนาทานเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดเท็จ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากมุสาวาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากปิสุณาวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากพูดคำหยาบ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากผรุสวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการเว้นขาดจากสัมผัปปลาปะเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ไม่มากด้วยอภิชฌา เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะอนภิชฌาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะการไม่พยาบาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนมีความเห็นถูกต้อง เขาย่อมได้รับทุกขโทมนัส เพราะสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป.
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป เป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากปาณาติบาตเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากอทินนาทานเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดเท็จ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากมุสาวาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากปิสุณาวาจา เป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากผรุสวาจาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะการเว้นขาดจากสัมผัปปลาปะเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้ไม่มากด้วยอภิชฌา เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะอนภิชฌาเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท เขาย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะความไม่พยาบาทเป็นปัจจัย เป็นผู้มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง เขาย่อมได้รับสุขโสมนัส เพราะสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ภายหลังจาการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป.
ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล ธรรมสมาทาน ๔ อย่าง.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมีน้ำเต้าขมที่เจือด้วยยาพิษ บุรุษที่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากตาย รักความสุข เกลียดความทุกข์ มาถึงเข้า คนทั้งหลายจึงได้พูดกับเขาว่า บุรุษผู้เจริญ น้ำเต้าขมนี้เจือด้วยยาพิษ ถ้าท่านประสงค์ก็จงดื่มเถิด ขณะที่ท่านดื่มนั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส ไม่สามารถทำให้ท่านพอใจได้ ครั้นท่านดื่มเข้าไปแล้ว ตัวท่านก็จะถึงความตาย หรือถึงความทุกข์เจียนตาย เพราะการดื่มนั้น บุรุษนั้นไม่พิจารณาน้ำเต้าขมนั้น แล้วดื่มเข้าไปทันที ไม่ทิ้งเลย ขณะที่เขาดื่มอยู่นั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้ ครั้นดื่มเข้าไปแล้ว เขาก็พึงถึงความตาย หรือพึงถึงความทุกข์เจียนตาย เพราะการดื่มนั้น ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีทุกข์ในปัจจุบันและมีผลเป็นทุกข์ต่อไป ว่ามีอุปมาฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำหวานอันน่าดื่ม ถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น และรส แต่เจือด้วยยาพิษ บุรุษที่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากตาย รักความสุข เกลียดความทุกข์ มาถึงเข้า คนทั้งหลายจึงได้พูดกับเขาว่า บุรุษผู้เจริญ ภาชนะใส่น้ำหวานอันน่าดื่มนี้ ถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น และรส แต่เจือด้วยยาพิษ ถ้าท่านประสงค์ก็จงดื่มเถิด ขณะที่ท่านดื่มนั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส สามารถจะทำให้ท่านพอใจได้ ครั้นท่านดื่มเข้าไปแล้ว ตัวท่านก็จะถึงความตาย หรือถึงความทุกข์เจียนตาย เพราะการดื่มนั้น บุรุษนั้นไม่พิจารณาภาชนะใส่น้ำหวานนั้น แล้วดื่มเข้าไปทันที ไม่ทิ้งเลย ขณะที่เขาดื่มอยู่นั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส สามารถทำให้เขาพอใจได้ ครั้นดื่มเข้าไปแล้ว เขาก็พึงถึงความตาย หรือพึงถึงความทุกข์เจียนตาย เพราะการดื่มนั้น ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีสุขในปัจจุบันแต่มีผลเป็นทุกข์ต่อไป ว่ามีอุปมาฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนน้ำมูตรเน่าอันเจือด้วยตัวยาต่างๆ บุรุษที่เป็นโรคผอมเหลืองมาถึงเข้า คนทั้งหลายจึงได้พูดกับเขาว่า บุรุษผู้เจริญ น้ำมูตรเน่าอันเจือด้วยตัวยาต่างๆ นี้ ถ้าท่านประสงค์ก็จงดื่มเถิด ขณะที่ท่านดื่มนั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส ไม่สามารถทำให้ท่านพอใจได้ ครั้นท่านครั้นดื่มเข้าไปแล้ว ตัวท่านก็จะมีความสุข เพราะการดื่มนั้น บุรุษนั้นพิจารณาน้ำมูตรเน่านั้น แล้วดื่มเข้าไปทันที ไม่ทิ้งเลย ขณะที่เขาดื่มอยู่นั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้ ครั้นดื่มเข้าไปแล้ว เขาก็มีความสุข ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีผลเป็นสุขต่อไป ว่ามีอุปมาฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนมเปรี้ยว น้ำผึ้ง เนยใส และน้ำอ้อย เขาเจือเข้าด้วยกัน บุรุษผู้เป็นโรคลงแดงมาถึงเข้า คนทั้งหลายจึงได้พูดกับเขาว่า บุรุษผู้เจริญ นมเปรี้ยว น้ำผึ้ง เนยใส และน้ำอ้อยนี้ เขาเจือเข้าด้วยกัน ถ้าท่านประสงค์ก็จงดื่มเถิด ขณะที่ท่านดื่มนั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส สามารถจะทำให้ท่านพอใจได้ ครั้นท่านดื่มเข้าไปแล้ว ตัวท่านก็จะมีความสุข บุรุษนั้นพิจารณานมเปรี้ยว น้ำผึ้ง เนยใส และน้ำอ้อย ที่เจือเข้าด้วยกันนั้น แล้วดื่มเข้าไปทันที ไม่ทิ้งเลย ขณะที่เขาดื่มอยู่นั้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น และทั้งรส สามารถทำให้เขาพอใจได้ ครั้นดื่มเข้าไปแล้ว เขาก็มีความสุข ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป ว่ามีอุปมาฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย ในฤดูสารท เดือนสุดท้ายของฤดูฝน เมื่ออากาศปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆฝน พระอาทิตย์ซึ่งอยู่บนท้องฟ้า ย่อมส่องสว่าง แผดแสงไพโรจน์ กำจัดความมืดที่มีในอากาศได้ทั้งสิ้น ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ ที่มีสุขในปัจจุบัน และมีผลเป็นสุขต่อไป กำจัดแล้วซึ่งคำติเตียนของสมณะและพราหมณ์เหล่าอื่นเป็นอันมาก ย่อมส่องสว่าง รุ่งเรือง ไพโรจน์ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.
-บาลี มู. ม. 12/563/520.
https://84000.org/tipitaka/pali/?12//563
https://etipitaka.com/read/pali/12/563
English translation by Bhikkhu Sujato
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. There the Buddha addressed the mendicants, “Mendicants!”
“Venerable sir,” they replied. The Buddha said this:
“Mendicants, sentient beings typically have the wish, desire, and hope: ‘Oh, if only unlikable, undesirable, and disagreeable things would decrease, and likable, desirable, and agreeable things would increase!’ But exactly the opposite happens to them. What do you take to be the reason for this?”
“Our teachings are rooted in the Buddha. He is our guide and our refuge. Sir, may the Buddha himself please clarify the meaning of this. The mendicants will listen and remember it.”
“Well then, mendicants, listen and pay close attention, I will speak.”
“Yes, sir,” they replied. The Buddha said this:
“Take an unlearned ordinary person who has not seen the noble ones, and is neither skilled nor trained in the teaching of the noble ones. They’ve not seen good persons, and are neither skilled nor trained in the teaching of the good persons. They don’t know what practices they should cultivate and foster, and what practices they shouldn’t cultivate and foster. So they cultivate and foster practices they shouldn’t, and don’t cultivate and foster practices they should. When they do so, unlikable, undesirable, and disagreeable things increase, and likable, desirable, and agreeable things decrease. Why is that? Because that’s what it’s like for someone who doesn’t know.
But a learned noble disciple has seen the noble ones, and is skilled and trained in the teaching of the noble ones. They’ve seen good persons, and are skilled and trained in the teaching of the good persons. They know what practices they should cultivate and foster, and what practices they shouldn’t cultivate and foster. So they cultivate and foster practices they should, and don’t cultivate and foster practices they shouldn’t. When they do so, unlikable, undesirable, and disagreeable things decrease, and likable, desirable, and agreeable things increase. Why is that? Because that’s what it’s like for someone who knows.
Mendicants, there are these four ways of taking up practices. What four? There is a way of taking up practices that is painful now and results in future pain. There is a way of taking up practices that is pleasant now but results in future pain. There is a way of taking up practices that is painful now but results in future pleasure. There is a way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure.
When it comes to the way of taking up practices that is painful now and results in future pain, an ignoramus, without knowing this, doesn’t truly understand: ‘This is the way of taking up practices that is painful now and results in future pain.’ So instead of avoiding that practice, they cultivate it. When they do so, unlikable, undesirable, and disagreeable things increase, and likable, desirable, and agreeable things decrease. Why is that? Because that’s what it’s like for someone who doesn’t know.
When it comes to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pain, an ignoramus … cultivates it … and disagreeable things increase …
When it comes to the way of taking up practices that is painful now and results in future pleasure, an ignoramus … doesn’t cultivate it … and disagreeable things increase …
When it comes to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure, an ignoramus … doesn’t cultivate it … and disagreeable things increase … Why is that? Because that’s what it’s like for someone who doesn’t know.
When it comes to the way of taking up practices that is painful now and results in future pain, a wise person, knowing this, truly understands: ‘This is the way of taking up practices that is painful now and results in future pain.’ So instead of cultivating that practice, they avoid it. When they do so, unlikable, undesirable, and disagreeable things decrease, and likable, desirable, and agreeable things increase. Why is that? Because that’s what it’s like for someone who knows.
When it comes to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pain, a wise person … doesn’t cultivate it … and agreeable things increase …
When it comes to the way of taking up practices that is painful now and results in future pleasure, a wise person … cultivates it … and agreeable things increase …
When it comes to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure, a wise person, knowing this, truly understands: ‘This is the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure.’ So instead of avoiding that practice, they cultivate it. When they do so, unlikable, undesirable, and disagreeable things decrease, and likable, desirable, and agreeable things increase. Why is that? Because that’s what it’s like for someone who knows.
And what is the way of taking up practices that is painful now and results in future pain? It’s when someone in pain and sadness kills living creatures, steals, and commits sexual misconduct. They use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re covetous, malicious, with wrong view. Because of these things they experience pain and sadness. And when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. This is called the way of taking up practices that is painful now and results in future pain.
And what is the way of taking up practices that is pleasant now but results in future pain? It’s when someone with pleasure and happiness kills living creatures, steals, and commits sexual misconduct. They use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re covetous, malicious, with wrong view. Because of these things they experience pleasure and happiness. But when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. This is called the way of taking up practices that is pleasant now but results in future pain.
And what is the way of taking up practices that is painful now but results in future pleasure? It’s when someone in pain and sadness doesn’t kill living creatures, steal, or commit sexual misconduct. They don’t use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re contented, kind-hearted, with right view. Because of these things they experience pain and sadness. But when their body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm. This is called the way of taking up practices that is painful now but results in future pleasure.
And what is the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure? It’s when someone with pleasure and happiness doesn’t kill living creatures, steal, or commit sexual misconduct. They don’t use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re contented, kind-hearted, with right view. Because of these things they experience pleasure and happiness. And when their body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm. This is called the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure. These are the four ways of taking up practices.
Suppose there was some bitter gourd mixed with poison. Then a man would come along who wants to live and doesn’t want to die, who wants to be happy and recoils from pain. They’d say to him: ‘Here, mister, this is bitter gourd mixed with poison. Drink it if you like. If you drink it, the color, aroma, and flavor will be unappetizing, and it will result in death or deadly pain.’ He wouldn’t reject it. Without reflection, he’d drink it. The color, aroma, and flavor would be unappetizing, and it would result in death or deadly pain. This is comparable to the way of taking up practices that is painful now and results in future pain, I say.
Suppose there was a bronze cup of beverage that had a nice color, aroma, and flavor. But it was mixed with poison. Then a man would come along who wants to live and doesn’t want to die, who wants to be happy and recoils from pain. They’d say to him: ‘Here, mister, this bronze cup of beverage has a nice color, aroma, and flavor. But it’s mixed with poison. Drink it if you like. If you drink it, the color, aroma, and flavor will be appetizing, but it will result in death or deadly pain.’ He wouldn’t reject it. Without reflection, he’d drink it. The color, aroma, and flavor would be appetizing, but it would result in death or deadly pain. This is comparable to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pain, I say.
Suppose there was some fermented urine mixed with different medicines. Then a man with jaundice would come along. They’d say to him: ‘Here, mister, this is fermented urine mixed with different medicines. Drink it if you like. If you drink it, the color, aroma, and flavor will be unappetizing, but after drinking it you will be happy.’ He wouldn’t reject it. After appraisal, he’d drink it. The color, aroma, and flavor would be unappetizing, but after drinking it he would be happy. This is comparable to the way of taking up practices that is painful now and results in future pleasure, I say.
Suppose there was some curds, honey, ghee, and molasses all mixed together. Then a man with bloody dysentery would come along. They’d say to him: ‘Here, mister, this is curds, honey, ghee, and molasses all mixed together. Drink it if you like. If you drink it, the color, aroma, and flavor will be appetizing, and after drinking it you will be happy.’ He wouldn’t reject it. After appraisal, he’d drink it. The color, aroma, and flavor would be appetizing, and after drinking it he would be happy. This is comparable to the way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure, I say.
It’s like the time after the rainy season when the sky is clear and cloudless. And when the sun rises, it dispels all the darkness from the sky as it shines and glows and radiates. In the same way, this way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure dispels the doctrines of the various other ascetics and brahmins as it shines and glows and radiates.”
That is what the Buddha said. Satisfied, the mendicants were happy with what the Buddha said.
English translation by Bhikkhu Bodhi
Thus have I heard. On one occasion the Blessed One was living at Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s Park. There he addressed the bhikkhus thus: “Bhikkhus.”—“Venerable sir,” they replied. The Blessed One said this:
“Bhikkhus, for the most part beings have this wish, desire, and longing: ‘If only unwished for, undesired, disagreeable things would diminish and wished for, desired, agreeable things would increase!’ Yet although beings have this wish, desire, and longing, unwished for, undesired, disagreeable things increase for them and wished for, desired, agreeable things diminish. Now, bhikkhus, what do you think is the reason for that?”
“Venerable sir, our teachings are rooted in the Blessed One, guided by the Blessed One, have the Blessed One as their resort. It would be good if the Blessed One would explain the meaning of these words. Having heard it from the Blessed One, the bhikkhus will remember it.”
“Then listen, bhikkhus, and attend closely to what I shall say.”
“Yes, venerable sir,” they replied. The Blessed One said this:
“Here, bhikkhus, an untaught ordinary person who has no regard for noble ones and is unskilled and undisciplined in their Dhamma, who has no regard for true men and is unskilled and undisciplined in their Dhamma, does not know what things should be cultivated and what things should not be cultivated, he does not know what things should be followed and what things should not be followed. Not knowing this, he cultivates things that should not be cultivated and does not cultivate things that should be cultivated, he follows things that should not be followed and does not follow things that should be followed. It is because he does this that unwished for, undesired, disagreeable things increase for him and wished for, desired, agreeable things diminish. Why is that? That is what happens to one who does not see.
“The well-taught noble disciple who has regard for noble ones and is skilled and disciplined in their Dhamma, who has regard for true men and is skilled and disciplined in their Dhamma, knows what things should be cultivated and what things should not be cultivated, he knows what things should be followed and what things should not be followed. Knowing this, he cultivates things that should be cultivated and does not cultivate things that should not be cultivated, he follows things that should be followed and does not follow things that should not be followed. It is because he does this that unwished for, undesired, disagreeable things diminish for him and wished for, desired, agreeable things increase. Why is that? That is what happens to one who sees.
“Bhikkhus, there are four ways of undertaking things. What are the four? There is a way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain. There is a way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain. There is a way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure. There is a way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure.
The Ignorant Person
(1) “Now, bhikkhus, one who is ignorant, not knowing this way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain, does not understand it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is painful now and ripens in the future as pain.’ Not knowing it, not understanding it as it actually is, the ignorant one cultivates it and does not avoid it; because he does so, unwished for, undesired, disagreeable things increase for him and wished for, desired, agreeable things diminish. Why is that? That is what happens to one who does not see.
(2) “Now, bhikkhus, one who is ignorant, not knowing this way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain, does not understand it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is pleasant now and ripens in the future as pain.’ Not knowing it, not understanding it as it actually is, the ignorant one cultivates it and does not avoid it; because he does so, unwished for…things increase for him and wished for…things diminish. Why is that? That is what happens to one who does not see.
(3) “Now, bhikkhus, one who is ignorant, not knowing this way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure, does not understand it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is painful now and ripens in the future as pleasure.’ Not knowing it, not understanding it as it actually is, the ignorant one does not cultivate it but avoids it; because he does so, unwished for…things increase for him and wished for…things diminish. Why is that? That is what happens to one who does not see.
(4) “Now, bhikkhus, one who is ignorant, not knowing the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure, does not understand it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is pleasant now and ripens in the future as pleasure.’ Not knowing it, not understanding it as it actually is, the ignorant one does not cultivate it but avoids it; because he does so, unwished for…things increase for him and wished for…things diminish. Why is that? That is what happens to one who does not see.
The Wise Person
(1) “Now, bhikkhus, one who is wise, knowing this way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain, understands it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is painful now and ripens in the future as pain.’ Knowing it, understanding it as it actually is, the wise one does not cultivate it but avoids it; because he does so, unwished for, undesired, disagreeable things diminish for him and wished for, desired, agreeable things increase. Why is that? That is what happens to one who sees.
(2) “Now, bhikkhus, one who is wise, knowing this way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain, understands it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is pleasant now and ripens in the future as pain.’ Knowing it, understanding it as it actually is, the wise one does not cultivate it but avoids it; because he does so, unwished for…things diminish for him and wished for…things increase. Why is that? That is what happens to one who sees.
(3) “Now, bhikkhus, one who is wise, knowing this way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure, understands it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is painful now and ripens in the future as pleasure.’ Knowing it, understanding it as it actually is, the wise one does not avoid it but cultivates it; because he does so, unwished for things…diminish for him and wished for…things increase. Why is that? That is what happens to one who sees.
(4) “Now, bhikkhus, one who is wise, knowing this way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure, understands it as it actually is thus: ‘This way of undertaking things is pleasant now and ripens in the future as pleasure.’ Knowing it, understanding it as it actually is, the wise one does not avoid it but cultivates it; because he does so, unwished for…things diminish for him and wished for…things increase. Why is that? That is what happens to one who sees.
The Four Ways
(1) “What, bhikkhus, is the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain? Here, bhikkhus, someone in pain and grief kills living beings, and he experiences pain and grief that have killing of living beings as condition. In pain and grief he takes what is not given…misconducts himself in sensual pleasures…speaks falsehood…speaks maliciously… speaks harshly…gossips…is covetous…has a mind of ill will…holds wrong view, and he experiences pain and grief that have wrong view as condition. On the dissolution of the body, after death, he reappears in a state of deprivation, in an unhappy destination, in perdition, even in hell. This is called the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain.
(2) “What, bhikkhus, is the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain? Here, bhikkhus, someone in pleasure and joy kills living beings, and he experiences pleasure and joy that have killing of living beings as condition. In pleasure and joy he takes what is not given… …holds wrong view, and he experiences pleasure and joy that have wrong view as condition. On the dissolution of the body, after death, he reappears in a state of deprivation, in an unhappy destination, in perdition, even in hell. This is called the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain.
(3) “What, bhikkhus, is the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure? Here, bhikkhus, someone in pain and grief abstains from killing living beings, and he experiences pain and grief that have abstention from killing living beings as condition. In pain and grief he abstains from taking what is not given…from misconduct in sensual pleasures…from speaking falsehood…from speaking maliciously…from speaking harshly…from gossiping…he is not covetous…he does not have a mind of ill will… …he holds right view, and he experiences pain and grief that have right view as condition. On the dissolution of the body, after death, he reappears in a happy destination, even in the heavenly world. This is called the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure.
(4) “What, bhikkhus, is the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure? Here, bhikkhus, someone in pleasure and joy abstains from killing living beings, and he experiences pleasure and joy that have abstention from killing living beings as condition. In pleasure and joy he abstains from taking what is not given…he holds right view, and he experiences pleasure and joy that have right view as condition. On the dissolution of the body, after death, he reappears in a happy destination, even in the heavenly world. This is called the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure.
The Similes
(1) “Bhikkhus, suppose there were a bitter gourd mixed with poison, and a man came who wanted to live, not to die, who wanted pleasure and recoiled from pain, and they told him: ‘Good man, this bitter gourd is mixed with poison. Drink from it if you want; as you drink from it, its colour, smell, and taste will not agree with you, and after drinking from it, you will come to death or deadly suffering.’ Then he drank from it without reflecting and did not relinquish it. As he drank from it, its colour, smell, and taste did not agree with him, and after drinking from it, he came to death or deadly suffering. Similar to that, I say, is the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pain.
(2) “Suppose there were a bronze cup of beverage possessing a good colour, smell, and taste, but it was mixed with poison, and a man came who wanted to live, not to die, who wanted pleasure and recoiled from pain, and they told him: ‘Good man, this bronze cup of beverage possesses a good colour, smell, and taste, but it is mixed with poison. Drink from it if you want; as you drink from it, its colour, smell, and taste will agree with you, but after drinking from it, you will come to death or deadly suffering.’ Then he drank from it without reflecting and did not relinquish it. As he drank from it, its colour, smell, and taste agreed with him, but after drinking from it, he came to death or deadly suffering. Similar to that, I say, is the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pain.
(3) “Suppose there were fermented urine mixed with various medicines, and a man came sick with jaundice, and they told him: ‘Good man, this fermented urine is mixed with various medicines. Drink from it if you want; as you drink from it, its colour, smell, and taste will not agree with you, but after drinking from it, you will be well.’ Then he drank from it after reflecting, and did not relinquish it. As he drank from it, its colour, taste, and smell did not agree with him, but after drinking from it, he became well. Similar to that, I say, is the way of undertaking things that is painful now and ripens in the future as pleasure.
(4) “Suppose there were curd, honey, ghee, and molasses mixed together, and a man with dysentery came, and they told him: ‘Good man, this is curd, honey, ghee, and molasses mixed together. Drink from it if you want; as you drink from it, its colour, smell, and taste will agree with you, and after drinking from it you will be well.’ Then he drank from it after reflecting, and did not relinquish it. As he drank from it, its colour, smell, and taste agreed with him, and after drinking from it, he became well. Similar to that, I say, is the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure.
“Just as, in autumn, in the last month of the rainy season, when the sky is clear and cloudless, the sun rises above the earth dispelling all darkness from space with its shining and beaming and radiance, so too, the way of undertaking things that is pleasant now and ripens in the future as pleasure dispels with its shining and beaming and radiance any other doctrines whatsoever of ordinary recluses and brahmins.”
That is what the Blessed One said. The bhikkhus were satisfied and delighted in the Blessed One’s words.
English translation by Suddhāso Bhikkhu
Thus have I heard. On one occasion the Fortunate One was living at Sāvatthi, in Jeta Grove, at Anāthapiṇḍaka‘s Monastery. There the Fortunate One addressed the monks: “Monks!” “Venerable sir,” those monks replied to the Fortunate One. The Fortunate One said this:
“Monks, most beings have this desire, this interest, this aspiration: ‘May unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and may wanted, desired, and pleasant things increase!’ Monks, for those beings who have that desire, interest, and aspiration, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. Monks, what is the reason for that?”
“Bhante, for us, the Fortunate One is the root of the Dhamma, the guide, the reference. Bhante, it would be excellent if the Fortunate One would reveal the meaning of this statement. The monks will listen to the Fortunate One and remember.”
“Therefore, monks, listen and pay attention well. I will speak.”
“Yes, Bhante,” those monks replied to the Fortunate One. The Fortunate One said this:
“Monks, here the uneducated commoner – one who does not see noble beings, is not familiar with the teachings of noble beings, has not been trained in the teachings of noble beings, who does not see good people, is not familiar with the teachings of good people, and has not been trained in the teachings of good people – does not know what things are to be engaged in, what things are not to be engaged in, what things are to be participated in, and what things are not to be participated in. Not knowing what things are to be engaged in, what things are not to be engaged in, what things are to be participated in, and what things are not to be participated in, they engage in the things that are not to be engaged in, do not engage in the things that are to be engaged in, participate in the things that are not to be participated in, and do not participate in the things that are to be participated in. As they engage in the things that are not to be engaged in, do not engage in the things that are to be engaged in, participate in the things that are not to be participated in, and do not participate in the things that are to be participated in, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. For what reason? Monks, this is how it is for one who lacks wisdom.
“Monks, here the educated student of noble beings – one who sees noble beings, is familiar with the teachings of noble beings, has been well-trained in the teachings of noble beings, who sees good people, is familiar with the teachings of good people, and has been well-trained in the teachings of good people – knows what things are to be engaged in, what things are not to be engaged in, what things are to be participated in, and what things are not to be participated in. Knowing what things are to be engaged in, what things are not to be engaged in, what things are to be participated in, and what things are not to be participated in, they do not engage in the things that are not to be engaged in, engage in the things that are to be engaged in, do not participate in the things that are not to be participated in, and participate in the things that are to be participated in. As they do not engage in the things that are not to be engaged in, engage in the things that are to be engaged in, do not participate in the things that are not to be participated in, and participate in the things that are to be participated in, unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and wanted, desired, and pleasant things increase. For what reason? Monks, this is how it is for one who has wisdom.
“Monks, there are four kinds of commitments. What four?
“Monks, there is a commitment which is unpleasant now and unpleasant in the future.
“Monks, there is a commitment which is pleasant now and unpleasant in the future.
“Monks, there is a commitment which is unpleasant now and pleasant in the future.
“Monks, there is a commitment which is pleasant now and pleasant in the future.
For One Who Lacks Wisdom
“Monks, when a commitment is unpleasant now and unpleasant in the future, an ignorant person is not aware of that, and does not accurately understand, ‘This is a commitment which is unpleasant now and unpleasant in the future.’ Since they are not aware of that and do not accurately understand, they engage in it and do not avoid it. As they engage in it and do not avoid it, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. For what reason? Monks, this is how it is for one who lacks wisdom.
“Monks, when a commitment is pleasant now and unpleasant in the future, an ignorant person is not aware of that, and does not accurately understand, ‘This is a commitment which is pleasant now and unpleasant in the future.’ Since they are not aware of that and do not accurately understand, they engage in it and do not avoid it. As they engage in it and do not avoid it, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. For what reason? Monks, this is how it is for one who lacks wisdom.
“Monks, when a commitment is unpleasant now and pleasant in the future, an ignorant person is not aware of that, and does not accurately understand, ‘This is a commitment which is unpleasant now and pleasant in the future.’ Since they are not aware of that and do not accurately understand, they avoid it and do not engage in it. As they avoid it and do not engage in it, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. For what reason? Monks, this is how it is for one who lacks wisdom.
“Monks, when a commitment is pleasant now and pleasant in the future, an ignorant person is not aware of that, and does not accurately understand, ‘This is a commitment which is pleasant now and pleasant in the future.’ Since they are not aware of that and do not accurately understand, they avoid it and do not engage in it. As they avoid it and do not engage in it, unwanted, undesired, unpleasant things increase, and wanted, desired, and pleasant things diminish. For what reason? Monks, this is how it is for one who lacks wisdom.
For One Who Has Wisdom
“Monks, when a commitment is unpleasant now and unpleasant in the future, a knowledgeable person is aware of that, and accurately understands, ‘This is a commitment which is unpleasant now and unpleasant in the future.’ Since they are aware of that and accurately understand, they avoid it and do not engage in it. As they avoid it and do not engage in it, unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and wanted, desired, and pleasant things increase. For what reason? Monks, this is how it is for one who has wisdom.
“Monks, when a commitment is pleasant now and unpleasant in the future, a knowledgeable person is aware of that, and accurately understands, ‘This is a commitment which is pleasant now and unpleasant in the future.’ Since they are aware of that and accurately understand, they avoid it and do not engage in it. As they avoid it and do not engage in it, unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and wanted, desired, and pleasant things increase. For what reason? Monks, this is how it is for one who has wisdom.
“Monks, when a commitment is unpleasant now and pleasant in the future, a knowledgeable person is aware of that, and accurately understands, ‘This is a commitment which is unpleasant now and pleasant in the future.’ Since they are aware of that and accurately understand, they engage in it and do not avoid it. As they engage in it and do not avoid it, unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and wanted, desired, and pleasant things increase. For what reason? Monks, this is how it is for one who has wisdom.
“Monks, when a commitment is pleasant now and pleasant in the future, a knowledgeable person is aware of that, and accurately understands, ‘This is a commitment which is pleasant now and pleasant in the future.’ Since they are aware of that and accurately understand, they engage in it and do not avoid it. As they engage in it and do not avoid it, unwanted, undesired, unpleasant things diminish, and wanted, desired, and pleasant things increase. For what reason? Monks, this is how it is for one who has wisdom.
Examples
“Monks, what is a commitment that is unpleasant now and unpleasant in the future?
“Here, monks, with displeasure and depression, someone kills living beings, and because of killing living beings they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they steal, and because of stealing they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they commit sexual misconduct, and because of committing sexual misconduct they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they tell lies, and because of telling lies they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they speak divisive speech, and because of speaking divisive speech they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they speak harsh speech, and because of speaking harsh speech they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they speak useless speech, and because of speaking useless speech they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they covet, and because of coveting they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they are aversive, and because of being aversive they experience displeasure and depression.
“With displeasure and depression, they hold wrong view, and because of holding wrong view they experience displeasure and depression.
“When they are separated from their body after death, they reappear in deprivation, a bad destination, downfall, hell.
“Monks, this is called ‘a commitment that is unpleasant now and unpleasant in the future.’
“Monks, what is a commitment that is pleasant now and unpleasant in the future?
“Here, monks, with pleasure and elation, someone kills living beings, and because of killing living beings they experience pleasure and elation. With pleasure and elation, they steal… tell lies… speak divisive speech… speak harsh speech… speak useless speech… covet… are aversive… hold wrong view, and because of holding wrong view they experience pleasure and elation. When they are separated from their body after death, they reappear in deprivation, a bad destination, downfall, hell.
“Monks, this is called ‘a commitment that is pleasant now and unpleasant in the future.’
“Monks, what is a commitment that is unpleasant now and pleasant in the future?
“Here, monks, with displeasure and depression, someone refrains from killing living beings, and because of refraining from killing living beings they experience displeasure and depression. With displeasure and depression, they refrain from stealing… refrain from sexual misconduct… refrain from telling lies… refrain from speaking divisive speech… refrain from speaking harsh speech… refrain from speaking useless speech… do not covet… are not aversive… hold right view, and because of holding right view they experience displeasure and depression. When they are separated from their body after death, they reappear in a good destination, in a heavenly world.
“Monks, this is called ‘a commitment that is unpleasant now and pleasant in the future.’
“Monks, what is a commitment that is pleasant now and pleasant in the future?
“Here, monks, with pleasure and elation, someone refrains from killing living beings, and because of refraining from killing living beings they experience pleasure and elation. With pleasure and elation, they refrain from stealing… refrain from sexual misconduct… refrain from telling lies… refrain from speaking divisive speech… refrain from speaking harsh speech… refrain from speaking useless speech… do not covet… are not aversive… hold right view, and because of holding right view they experience pleasure and elation. When they are separated from their body after death, they reappear in a good destination, in a heavenly world.
“Monks, this is called ‘a commitment that is pleasant now and pleasant in the future.’
“Monks, these are the four kinds of commitments.
Simile of the Poisoned Drink
“Monks, it is just as if there was a bitter drink mixed with poison. Then a person would come who wanted to live and did not want to die, who wanted pleasure and avoided pain. Someone would say to them, ‘Person, this is a bitter drink mixed with poison. You can drink it if you want to. As you drink it, you will not enjoy its appearance, its fragrance, or its flavor, after you drink it, you will die or experience death-like pain.’ Without considering, they would drink it, they would not reject it. As they drank it, they would not enjoy its appearance, fragrance, or its flavor; and after drinking it, they would die or experience death-like pain. Monks, this is like the commitment which is unpleasant now and unpleasant in the future.
“Monks, it is just as if there was an attractive, fragrant, and delicious drink in a bronze cup, but it was mixed with poison. Then a person would come who wanted to live and did not want to die, who wanted pleasure and avoided pain. Someone would say to them, ‘Person, this is an attractive, fragrant, and delicious drink in a bronze cup, but it is mixed with poison. You can drink it if you want to. As you drink it, you will enjoy its appearance, its fragrance, and its flavor, but after you drink it, you will die or experience death-like pain.’ Without considering, they would drink it, they would not reject it. As they drank it, they would enjoy its appearance, its fragrance, and its flavor; but after drinking it, they would die or experience death-like pain. Monks, this is like the commitment which is pleasant now and unpleasant in the future.
“Monks, it is just as if there was a fermented decoction mixed with medicine. Then a person would come who was diseased. Someone would say to them, ‘Person, this fermented decoction is mixed with medicine. You can drink it if you want to. As you drink it, you will not enjoy its appearance, its fragrance, or its flavor. After you drink it, you will feel good.’ After considering, they would drink it, they would not reject it. As they drank it, they would not enjoy its appearance, fragrance, or its flavor; but after drinking it, they would feel good. Monks, this is like the commitment which is unpleasant now and pleasant in the future.
“Monks, it is just as if there was a mixture of curds, honey, ghee, and molasses. Then a person with dysentery came. Someone would say to them, ‘Person, this is a mixture of curds, honey, ghee, and molasses. You can drink it if you want to. As you drink it, you will enjoy its appearance, its fragrance, and its flavor. After you drink it, you will feel good.’ After considering, they would drink it, they would not reject it. As they drank it, they would enjoy its appearance, its fragrance, and its flavor; and after drinking it, they would feel good. Monks, this is like the commitment which is pleasant now and pleasant in the future.
“Monks, just as in the last month of summer, at the beginning of autumn, when the sky is clear and cloudless, the rising sun drives away all darkness and brightens, warms, and illuminates, in the same way, monks, the commitment which is pleasant now and pleasant in the future drives away the teachings of ordinary contemplatives and priests, and brightens, warms, and illuminates.”
This is what the Fortunate One said. Satisfied, those monks delighted in the Fortunate One‘s speech.