หลักพิจารณาว่า การกระทำนั้น สมควรทำหรือไม่
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา ใกล้เมืองจัมปา ครั้งนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีได้ออกจากเมืองจัมปาตั้งแต่ยังวันเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ลำดับนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีได้มีความคิดว่า ยังไม่ใช่เวลาที่จะเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพราะพระผู้มีพระภาคยังทรงหลีกเร้นอยู่ ยังไม่ใช่เวลาที่จะเยี่ยมเยียนภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจ (มโน ภาวนียา) เพราะภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจยังหลีกเร้นอยู่ ทางที่ดี เราควรเข้าไปยังอารามของอัญญเดียรถีย์ปริพาชก เถิด.
ลำดับนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีได้เข้าไปยังอารามของอัญญเดียรถีย์ปริพาชก ก็สมัยนั้น พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกกำลังร่วมประชุมกัน ส่งเสียงอื้ออึง นั่งสนทนากันถึงเดรัจฉานกถามีประการต่างๆ พวกเขาเห็นวัชชิยมาหิตคหบดีกำลังเดินมาจากที่ไกล ครั้นแล้ว จึงชวนกันให้หยุดด้วยกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงเงียบเสียง อย่าได้ส่งเสียงเลย วัชชิยมาหิตคหบดีคนนี้เป็นสาวกของพระสมณโคดม กำลังเดินมายังอาราม วัชชิยมาหิตคหบดีนี้เป็นสาวกคนหนึ่ง ในบรรดาคฤหัสถ์ผู้นุ่งขาวห่มขาว ซึ่งเป็นสาวกของพระสมณโคดม อาศัยอยู่ในเมืองจัมปา ก็ท่านเหล่านั้นเป็นผู้ชอบในเสียงเบา ถูกฝึกให้มีเสียงเบา กล่าวสรรเสริญผู้มีเสียงเบา ถ้ากระไร หากเขาทราบว่าบริษัทเป็นผู้มีเสียงเบา ก็จะสำคัญว่าควรเข้ามาหา ครั้นแล้ว อัญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นได้พากันนิ่งเงียบอยู่.
ลำดับนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีก็เข้าไปหาพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้สนทนาปราศรัยกับปริพาชกเหล่านั้น ครั้นผ่านการสนทนาปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งในที่สมควร อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นได้กล่าวกะท่านวัชชิยมาหิตคหบดีว่า คหบดี ได้ยินว่าพระมหาสมณโคดมทรงติเตียนตบะทุกอย่าง ย่อมด่า ย่อมว่าร้าย ผู้บำเพ็ญตบะ ผู้เลี้ยงชีวิตด้วยวัตรที่เศร้าหมองทั้งหมด โดยส่วนเดียว จริงหรือ.
วัชชิยมาหิตคหบดีตอบว่า ภันเต พระผู้มีพระภาคไม่ได้ติเตียนตบะทั้งหมด ย่อมไม่ด่า ย่อมไม่ว่าร้าย ผู้บำเพ็ญตบะ ผู้เลี้ยงชีวิตด้วยวัตรที่เศร้าหมองทั้งหมด โดยส่วนเดียว ภันเต พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ทรงสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ เพราะพระผู้มีพระภาคทรงติเตียนผู้ที่ควรติเตียนอยู่ ทรงสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญอยู่ พระผู้มีพระภาคทรงมีปกติตรัสแยกกัน ในเรื่องนี้พระผู้มีพระภาคนั้นไม่ใช่มีปกติตรัสโดยส่วนเดียว.
เมื่อวัชชิยมาหิตคหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว ปริพาชกคนหนึ่ง จึงพูดกะวัชชิยมาหิตคหบดีว่า ท่านหยุดก่อน คหบดี พระสมณโคดมที่ท่านกล่าวสรรเสริญ เป็นผู้แนะนำในทางฉิบหาย เป็นผู้ไม่มีบัญญัติ.
ภันเต แม้ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวกะท่านผู้มีอายุทั้งหลายโดยชอบธรรมว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติว่า สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศลไว้ดังนี้ จึงชื่อว่าทรงเป็นผู้มีบัญญัติ พระผู้มีพระภาคนั้นไม่ใช่ผู้แนะนำในทางฉิบหาย ไม่ใช่ผู้ไม่มีบัญญัติ.
เมื่อวัชชิยมาหิตคหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว ปริพาชกทั้งหลายได้เป็นผู้นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา โต้ตอบไม่ได้ (หมดปฏิภาณ) ลำดับนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีทราบว่า ปริพาชกเหล่านั้นเป็นผู้นิ่ง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา โต้ตอบไม่ได้ แล้วลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่งในที่สมควร ครั้นแล้วได้ทูลเรื่องที่สนทนากับอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นทั้งหมด แด่พระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบทุกประการ.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ คหบดี โมฆบุรุษเหล่านั้น เป็นผู้ที่ควรถูกข่มขี่ ด้วยการข่มขี่อย่างถูกต้องเป็นธรรม ตามกาลอันควร คหบดี เราไม่กล่าวตบะทุกอย่าง ว่าเป็นตบะที่ควรบำเพ็ญ หรือไม่ควรบำเพ็ญ เราไม่กล่าวการสมาทานทุกอย่าง ว่าควรสมาทาน หรือไม่ควรสมาทาน เราไม่กล่าวความเพียรทั้งปวง ว่าควรตั้งไว้ หรือไม่ควรตั้งไว้ เราไม่กล่าวการสลัดทั้งปวง ว่าควรสลัด หรือไม่ควรสลัด เราไม่กล่าวความหลุดพ้นทั้งปวง ว่าควรหลุดพ้น หรือไม่ควรหลุดพ้น.
คหบดี เมื่อบำเพ็ญตบะใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป เรากล่าวการบำเพ็ญตบะเช่นนี้ ว่าไม่ควรบำเพ็ญ แต่เมื่อบำเพ็ญตบะใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง เรากล่าวการบำเพ็ญตบะเช่นนี้ ว่าควรบำเพ็ญ.
คหบดี เมื่อสมาทานการสมาทานใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป เรากล่าวการสมาทานเช่นนี้ ว่าไม่ควรสมาทาน แต่เมื่อสมาทานการสมาทานใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง เรากล่าวการสมาทานเช่นนี้ ว่าควรสมาทาน.
คหบดี เมื่อตั้งไว้ซึ่งความเพียรใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป เรากล่าวความเพียรเช่นนี้ ว่าไม่ควรตั้งไว้ แต่เมื่อตั้งไว้ซึ่งความเพียรใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง เรากล่าวความเพียรเช่นนี้ ว่าควรตั้งไว้.
คหบดี เมื่อสลัดซึ่งการสลัดใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป เรากล่าวการสลัดเช่นนี้ ว่าไม่ควรสลัด แต่เมื่อสลัดซึ่งการสลัดใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง เรากล่าวการสลัดเช่นนี้ ว่าควรสลัด.
คหบดี เมื่อหลุดพ้นด้วยความหลุดพ้นใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป เรากล่าวความหลุดพ้นเช่นนี้ ว่าไม่ควรหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นด้วยความหลุดพ้นใดอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง เรากล่าวความหลุดพ้นเช่นนี้ ว่าควรหลุดพ้น.
ลำดับนั้น วัชชิยมาหิตคหบดีอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป เมื่อวัชชิยมาหิตคหบดีหลีกไปไม่นาน พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีธุลีในดวงตาเล็กน้อยตลอดกาลนาน แม้ภิกษุนั้น ก็พึงข่มขี่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกทั้งหลาย ให้เป็นการข่มขี่ด้วยดีโดยชอบธรรม เหมือนอย่างวัชชิยมาหิตคหบดีได้ข่มขี่แล้ว ดังนี้.
-บาลี ทสก. อํ. 24/202/94.
https://84000.org/tipitaka/pali/?24//202
https//etipitaka.com/read/pali/24/202
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Campā on the banks of the Gaggarā Lotus Pond.
Then the householder Vajjiyamāhita left Sāvatthī in the middle of the day to see the Buddha. Then it occurred to him, “It’s the wrong time to see the Buddha, as he’s in retreat. And it’s the wrong time to see the esteemed mendicants, as they’re in retreat. Why don’t I go to the monastery of the wanderers who follow other paths?”
Then he went to the monastery of the wanderers who follow other paths. Now at that time, the wanderers who follow other paths had come together, making an uproar, a dreadful racket as they sat and talked about all kinds of unworthy topics.
They saw Vajjiyamāhita coming off in the distance, and stopped each other, saying, “Be quiet, good sirs, don’t make a sound. The householder Vajjiyamāhita, a disciple of the ascetic Gotama, is coming into our monastery. He is included among the white-clothed lay disciples of the ascetic Gotama, who is residing near Campā. Such venerables like the quiet, are educated to be quiet, and praise the quiet. Hopefully if he sees that our assembly is quiet he’ll see fit to approach.”
Then those wanderers who follow other paths fell silent. Then Vajjiyamāhita went up to them, and exchanged greetings with the wanderers there. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. The wanderers said to him:
“Is it really true, householder? Does the ascetic Gotama criticize all forms of mortification? Does he categorically condemn and denounce those self-mortifiers who live rough?”
“No, sirs, the Buddha does not criticize all forms of mortification. Nor does he categorically condemn and denounce those self-mortifiers who live rough. The Buddha criticizes where it is due, and praises where it is due. In doing so he is one who speaks after analyzing the question, and is not definitive on this point.”
When he said this, one of the wanderers said to him, “Hold on, householder! That ascetic Gotama who you praise is an exterminator who refrains from making statements.”
“On this point, also, I reasonably respond to the venerables. The Buddha has stated ‘This is skillful’ and ‘This is unskillful’. So when it comes to what is skillful and unskillful the Buddha makes a statement. He is not an exterminator who refrains from making statements.”
When this was said, those wanderers sat silent, dismayed, shoulders drooping, downcast, depressed, with nothing to say. Seeing this, Vajjiyamāhita got up from his seat. He went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and informed the Buddha of all they had discussed.
“Good, good, householder! That’s how you should legitimately and completely refute those foolish men from time to time. Householder, I don’t say that all mortifications should be undergone. But I don’t say that no mortifications should be undergone. I don’t say that all observances should be undertaken. But I don’t say that no observances should be undertaken. I don’t say that all efforts should be tried. But I don’t say that no efforts should be tried. I don’t say that everything should be given up. But I don’t say that nothing should be given up. I don’t say that you should be liberated with all kinds of freedom. But I don’t say that you should not be liberated with any kind of freedom.
When undergoing certain mortifications, unskillful qualities grow while skillful qualities decline. I say that you shouldn’t undergo those mortifications. When undergoing certain mortifications, unskillful qualities decline while skillful qualities grow. I say that you should undergo those mortifications.
When undertaking certain observances, unskillful qualities grow while skillful qualities decline. I say that you shouldn’t undertake those observances. When undertaking certain observances, unskillful qualities decline while skillful qualities grow. I say that you should undertake those observances.
When trying certain efforts, unskillful qualities grow while skillful qualities decline. I say that you shouldn’t try those efforts. When trying certain efforts, unskillful qualities decline while skillful qualities grow. I say that you should try those efforts.
When giving up certain things, unskillful qualities grow while skillful qualities decline. I say that you shouldn’t give up those things. When giving up certain things, unskillful qualities decline while skillful qualities grow. I say that you should give up those things.
When being liberated with certain kinds of freedom, unskillful qualities grow while skillful qualities decline. I say that you shouldn’t be liberated with those kinds of freedom. When being liberated with certain kinds of freedom, unskillful qualities decline while skillful qualities grow. I say that you should be liberated with those kinds of freedom.”
After Vajjiyamāhita had been educated, encouraged, fired up, and inspired with a Dhamma talk by the Buddha, he got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha before leaving.
Then, not long after Vajjiyamāhita had left, the Buddha addressed the mendicants: “Mendicants, even a mendicant who for a long time has had little dust in their eye in this teaching and training would legitimately and completely refute those wanderers who follow other paths just as the householder Vajjiyamāhita did.”
English translation by Ṭhānissaro Bhikkhu
I have heard that on one occasion the Blessed One was staying near Campā on the shore of Gaggarā Lake. Then Vajjiya Māhita the householder left Campā in the middle of the day to see the Blessed One, but then the thought occurred to him, “Now is not the right time to see the Blessed One, for he is in seclusion. And it is not the right time to see the mind-developing monks, for they too are in seclusion. Why don’t I visit the park of the wanderers of other persuasions?” So he headed to the park of the wanderers of other persuasions.
Now on that occasion the wanderers of other persuasions had come together in a gathering and were sitting, discussing many kinds of bestial topics, making a great noise & racket. They saw Vajjiya Māhita the householder coming from afar, and on seeing him, hushed one another: “Be quiet, good sirs. Don’t make any noise. Here comes Vajjiya Māhita the householder, a disciple of the contemplative Gotama. He is one of those disciples of the contemplative Gotama, clad in white, who lives in Campā. These people are fond of quietude, trained in quietude, and speak in praise of quietude. Maybe, if he perceives our group as quiet, he will consider it worth his while to come our way.” So the wanderers fell silent.
Then Vajjiya Māhita the householder went to where the wanderers of other persuasions were staying. On arrival he greeted them courteously. After an exchange of friendly greetings & courtesies, he sat to one side. As he was sitting there, the wanderers said to him, “Is it true, householder, that the contemplative Gotama criticizes all asceticism, that he categorically denounces & disparages all ascetics who live the rough life?”
“No, venerable sirs, the Blessed One does not criticize all asceticism, nor does he categorically denounce or disparage all ascetics who live the rough life. The Blessed One criticizes what should be criticized, and praises what should be praised. Criticizing what should be criticized, praising what should be praised, the Blessed One is one who speaks making distinctions, not one who speaks categorically on this matter.”
When this was said, one of the wanderers said to Vajjiya Māhita the householder, “Now wait a minute, householder. This contemplative Gotama whom you praise is a nihilist, one who doesn’t declare anything.”
“I tell you, venerable sirs, that the Blessed One righteously declares that ‘This is skillful.’ He declares that ‘This is unskillful.’ Declaring that ‘This is skillful’ and ‘This is unskillful,’ he is one who has declared (a teaching). He is not a nihilist, one who doesn’t declare anything.”
When this was said, the wanderers fell silent, abashed, sitting with their shoulders drooping, their heads down, brooding, at a loss for words. Vajjiya Māhita the householder, perceiving that the wanderers were silent, abashed…at a loss for words, got up & went to the Blessed One. On arrival, having bowed down to the Blessed One, he sat to one side. As he was sitting there, he told the Blessed One the entirety of his conversation with the wanderers.
(The Blessed One said:) “Well done, householder. Well done. That is how you should periodically & righteously refute those foolish men. I don’t say that all asceticism is to be pursued, nor do I say that all asceticism is not to be pursued. I don’t say that all observances should be observed, nor do I say that all observances should not be observed. I don’t say that all exertions are to be pursued, nor do I say that all exertions are not to be pursued. I don’t say that all forfeiture should be forfeited, nor do I say that all forfeiture should not be forfeited. I don’t say that all release is to be used for release, nor do I say that all release is not to be used for release.
“If, when an asceticism is pursued, unskillful qualities grow and skillful qualities wane, then I tell you that that sort of asceticism is not to be pursued. But if, when an asceticism is pursued, unskillful qualities wane and skillful qualities grow, then I tell you that that sort of asceticism is to be pursued.
“If, when an observance is observed, unskillful qualities grow and skillful qualities wane, then I tell you that that sort of observance is not to be observed. But if, when an observance is observed, unskillful qualities wane and skillful qualities grow, then I tell you that that sort of observance is to be observed.
“If, when an exertion is pursued.… a forfeiture is forfeited…
“If, when a release is used for release, unskillful qualities grow and skillful qualities wane, then I tell you that that sort of release is not to be used for release. But if, when a release is used for release, unskillful qualities wane and skillful qualities grow, then I tell you that that sort of release is to be used for release.”
When Vajjiya Māhita the householder had been instructed, urged, roused & encouraged by the Blessed One with a talk on Dhamma, he got up from his seat and, having bowed down to the Blessed One, left, keeping the Blessed One on his right side. Not long afterward, the Blessed One addressed the monks: “Monks, even a monk who has long penetrated the Dhamma in this Dhamma & Vinaya would do well, periodically & righteously, to refute the wanderers of other persuasions in just the way Vajjiya Māhita the householder has done.”