ผลของการให้ทานแล้ว เกิดนึกเสียดายในภายหลัง [กรรมดี กรรมชั่ว ทำแล้วก็ต้องรับผล (๑)]
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับในเวลากลางวัน ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่งในที่สมควร.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ประทับนั่งในที่สมควรว่า เชิญเถิดมหาราช ท่านเสด็จมาจากไหนแต่ยังวัน.
พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า ภันเต คหบดีผู้เป็นเศรษฐีในพระนครสาวัตถีนี้ กระทำกาละแล้ว ข้าพระองค์ให้ขนทรัพย์สมบัติอันไม่มีบุตรรับมรดกนั้น มาไว้ในพระราชวังแล้วก็มาเฝ้า (พระผู้มีพระภาค) ภันเต เฉพาะเงินอย่างเดียวเท่านั้น มีอยู่ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ ส่วนเครื่องรูปิยะไม่ต้องพูดถึง ภันเต ก็คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ได้บริโภคอาหารเห็นปานนี้ คือ บริโภคปลายข้าวกับน้ำส้มพอูม ได้ใช้ผ้าและเครื่องนุ่งห่มเห็นปานนี้ คือ นุ่งห่มผ้าเนื้อหยาบที่ตัดเป็นสามชิ้นเย็บติดกัน ได้ใช้ยานพาหนะเห็นปานนี้ คือ ใช้รถเก่าๆ กั้นร่มทำด้วยใบไม้.
มหาราช ข้อนี้เป็นอย่างนั้น มหาราช ข้อนี้เป็นอย่างนั้น มหาราช เรื่องเคยมีมาแล้ว คหบดี ผู้เป็นเศรษฐีนั้น ได้สั่งให้จัดบิณฑบาตถวายพระปัจเจกสัมพุทธะ นามว่าตครสิขี สั่งว่า ท่านทั้งหลาย จงถวายบิณฑะแก่สมณะ แล้วลุกจากอาสนะเดินหลีกไป แต่ครั้นถวายแล้ว ภายหลังได้มีความเสียดายว่า บิณฑบาตนี้ ทาสหรือคนทำงานพึงบริโภคยังดีกว่า นอกจากนี้เขายังปลงชีวิตบุตรน้อยคนเดียวของพี่ชาย เพราะเหตุแห่งทรัพย์สมบัติอีก.
มหาราช การที่คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น สั่งให้จัดบิณฑบาต ถวายพระตครสิขีปัจเจกสัมพุทธะ ด้วยวิบากของกรรมนั้น เขาจึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๗ ครั้ง และด้วยวิบากอันเป็นส่วนเหลือของกรรมนั้นเหมือนกัน เขาได้ครองความเป็นเศรษฐีในพระนครสาวัตถีนี้แหละถึง ๗ ครั้ง.
มหาราช การที่คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ถวายทานแล้วภายหลังได้มีความเสียดายว่า บิณฑบาตนี้ ทาสหรือคนทำงานพึงบริโภคยังดีกว่า ด้วยวิบากของกรรมนั้น จิตของเขาจึงไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารชั้นดี จิตของเขาจึงไม่น้อมไปเพื่อใช้ผ้าและเครื่องนุ่งห่มชั้นดี จิตของเขาจึงไม่น้อมไปเพื่อใช้ยานพาหนะชั้นดี จิตของเขาจึงไม่น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ ชั้นดี.
มหาราช การที่คหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้น ปลงชีวิตบุตรน้อยคนเดียวของพี่ชาย เพราะเหตุแห่งทรัพย์สมบัติ ด้วยวิบากของกรรมนั้น เขาจึงถูกไฟเผาอยู่ในนรกหลายปี หลายพันปี หลายแสนปี และด้วยวิบากอันเป็นส่วนเหลือของกรรมนั้นเหมือนกัน ทรัพย์สมบัติอันไม่มีบุตรรับมรดกของเขานี้ จึงถูกขนเข้าพระคลังหลวงเป็นครั้งที่ ๗.
มหาราช ก็บุญเก่าของคหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้นหมดสิ้นแล้ว และบุญใหม่ก็ไม่ได้สะสมไว้ มหาราช ก็ในวันนี้ คหบดีผู้เป็นเศรษฐี ถูกไฟเผาอยู่ในมหาโรรุวนรก.
พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คหบดีผู้เป็นเศรษฐี เข้าถึงมหาโรรุวนรกอย่างนั้นหรือ.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่างนั้นมหาราช คฤหบดีผู้เป็นเศรษฐี เข้าถึงมหาโรรุวนรกแล้ว.
ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงินทอง หรือข้าวของ
ที่หวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่
ทาส กรรมกร คนใช้ และผู้อยู่อาศัยของเขา
ทั้งหมดนั้นพาเอาไปด้วยไม่ได้ จำต้องทิ้งทุกสิ่งไว้
ก็บุคคลทำกรรมใด ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ
กรรมนั้นแหละย่อมเป็นของๆ เขา และเขาย่อมพาเอากรรมนั้นไป
อนึ่งกรรมนั้นย่อมติดตามเขาไป เหมือนเงาติดตามตัวฉะนั้น
เพราะเหตุนั้น บุคคลควรทำกรรมดีสั่งสมไว้ในสัมปรายะ
บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า.
-บาลี สคาถ. สํ. 15/133/390.
https://84000.org/tipitaka/pali/?15/133
https://etipitaka.com/read/pali/15/133/
English translation by Bhikkhu Sujato
Then King Pasenadi of Kosala went up to the Buddha in the middle of the day … The Buddha said to him, “So, great king, where are you coming from in the middle of the day?”
“Sir, here in Sāvatthī a financier householder has passed away. Since he died childless, I have come after transferring his fortune to the royal compound. There was ten million in gold, not to mention the silver. And yet that financier ate meals of rough gruel with pickles. He wore clothes consisting of three pieces of sunn hemp. He traveled around in a vehicle that was a dilapidated little cart, holding a leaf as sunshade.”
“That’s so true, great king! That’s so true! Once upon a time, great king, that financier householder provided almsfood on behalf of a Buddha awakened for himself named Tagarasikhī. He instructed: ‘Give alms to that ascetic,’ before getting up from his seat and leaving. But after giving he regretted it: ‘It would have been better to feed the bondservants or workers with that almsfood.’ What’s more, he murdered his brother’s only child for the sake of his fortune.
Because that financier provided Tagarasikhī with almsfood, as a result of that deed he was reborn seven times in a good place, a heavenly realm. And as a residual result of that same deed he held the position of financier seven times right here in Sāvatthī. But because that financier regretted giving alms, as a result of that deed his mind didn’t tend to enjoy nice food, clothes, vehicles, or the five refined kinds of sensual stimulation. And because that financier murdered his brother’s only child for the sake of his fortune, as a result of that deed he burned in hell for many years, for many hundreds, many thousands, many hundreds of thousands of years. And as a residual result of that same deed, he is childless for the seventh time, his fortune ending up in the royal treasury. Now the old merit of that financier has been used up, and he hasn’t accumulated new merit. Today, great king, that financier burns in the Great Hell of Screams.”
“Really, sir, that financier has been reborn in the Great Hell of Screams?”
“Yes he has, great king.”
That is what the Buddha said. …
“Grain, wealth, silver, and gold,
or whatever other possessions there are;
bondservants, workers, employees,
and those dependent for their livelihood:you must go on without taking these;
all of them are left behind.
But the deeds you do
by body, speech, and mind—that’s what you can call your own.
That’s what you take when you go.
That’s what goes with you,
like a shadow that never leaves.That’s why you should do good,
investing in the future life.
The good deeds of sentient beings
support them in the next world.”