บุญกิริยาวัตถุ ๓ (ทาน ศีล ภาวนา)
ภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการเหล่านี้ ๓ ประการอะไรบ้าง คือ
๑) บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน
๒) บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล
๓) บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยภาวนา
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานนิดหน่อย ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลนิดหน่อย ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นผู้ต่ำต้อยในหมู่มนุษย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานพอประมาณ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลพอประมาณ ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความรุ่งเรืองในหมู่มนุษย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ภิกษุทั้งหลาย ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้น เพราะทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ ภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพในดาวดึงส์นั้น เพราะกระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์โดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.`
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา ภิกษุทั้งหลาย ท้าวสยามเทพบุตรในยามานั้น เพราะทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นยามาโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต ภิกษุทั้งหลาย ท้าวสันดุสิตเทพบุตรในดุสิตนั้น เพราะทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นดุสิตโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี ภิกษุทั้งหลาย ท้าวสุนิมมิตเทพบุตรในนิมมานรดีนั้น เพราะทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นนิมมานรดีโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย ภายหลังจากการตายเพราะกายแตกทำลาย เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ภิกษุทั้งหลาย ท้าวปรนิมมิตวสวัตตีเทพบุตรในปรนิมมิตวสวัตตีนั้น เพราะทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานอย่างยวดยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลอย่างยวดยิ่ง จึงก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตีโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุที่เป็นทิพย์ วรรณะที่เป็นทิพย์ สุขที่เป็นทิพย์ ยศที่เป็นทิพย์ อธิปไตยที่เป็นทิพย์ รูปที่เป็นทิพย์ เสียงที่เป็นทิพย์ กลิ่นที่เป็นทิพย์ รสที่เป็นทิพย์ โผฏฐัพพะที่เป็นทิพย์.
ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ.
-บาลี อฏฺฐก. อํ. 23/245/126.
https://84000.org/tipitaka/pali/?23//245
https://etipitaka.com/read/pali/23/245
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, there are these three grounds for making merit. What three? Giving, ethical conduct, and meditation are all grounds for making merit.
First, someone has practiced a little giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn among disadvantaged humans.
Next, someone has practiced a moderate amount of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn among well-off humans.
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Gods of the Four Great Kings. There, the Four Great Kings themselves have practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So they surpass them in ten respects: divine life span, beauty, happiness, glory, sovereignty, sights, sounds, smells, tastes, and touches.
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Gods of the Thirty-Three. There, Sakka, lord of gods, has practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So he surpasses them in ten respects …
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Gods of Yama. There, the god Suyāma has practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So he surpasses them in ten respects …
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Joyful Gods. There, the god Santusita has practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So he surpasses them in ten respects …
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Gods Who Love to Create. There, the god Sunimmita has practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So he surpasses them in ten respects …
Next, someone has practiced a lot of giving and ethical conduct as grounds for making merit, but they haven’t got as far as meditation as a ground for making merit. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the Gods Who Control the Creations of Others. There, the god Vasavattī has practiced giving and ethical conduct as grounds for making merit to a greater degree than the other gods. So he surpasses them in ten respects: divine life span, beauty, happiness, glory, sovereignty, sights, sounds, smells, tastes, and touches.
These are the three grounds for making merit.”
English translation by Bhikkhu Bodhi
“Bhikkhus, there are these three bases of meritorious activity. What three? The basis of meritorious activity consisting in giving; the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior; and the basis of meritorious activity consisting in meditative development.
(1) “Here, bhikkhus, someone has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a limited extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a limited extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn among humans in an unfavorable condition.
(2) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a middling extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a middling extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn among humans in a favorable condition.
(3) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the devas ruled by the four great kings. There the four great kings, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior surpass the devas ruled by the four great kings in ten respects: in celestial life span, celestial beauty, celestial happiness, celestial glory, and celestial authority; and in celestial forms, sounds, odors, tastes, and tactile objects.
(4) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the Tāvatiṁsa devas. There Sakka, ruler of the devas, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior, surpasses the Tāvatiṁsa devas in ten respects: in celestial life span … and tactile objects.
(5) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the Yāma devas. There the young deva Suyāma, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior, surpasses the Yāma devas in ten respects: in celestial life span … and tactile objects.
(6) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the Tusita devas. There the young deva Santusita, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior, surpasses the Tusita devas in ten respects: in celestial life span … and tactile objects.
(7) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the devas who delight in creation. There the young deva Sunimmita, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior, surpasses the devas who delight in creation in ten respects: in celestial life span … and tactile objects.
(8) “Someone else has practiced the basis of meritorious activity consisting in giving to a superior extent; he has practiced the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior to a superior extent; but he has not undertaken the basis of meritorious activity consisting in meditative development. With the breakup of the body, after death, he is reborn in companionship with the devas who control what is created by others. There the young deva Vasavattī, who had practiced superlatively the basis of meritorious activity consisting in giving and the basis of meritorious activity consisting in virtuous behavior, surpasses the devas who control what is created by others in ten respects: in celestial life span, celestial beauty, celestial happiness, celestial glory, and celestial authority; and in celestial forms, sounds, odors, tastes, and tactile objects.
“These, bhikkhus, are the three bases of meritorious activity.”