ธรรมที่ทำให้เจริญ
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตเมืองเวสาลี ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปสู่เมืองเวสาลีเพื่อบิณฑบาต ครั้นเสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว เวลาหลังอาหาร เสด็จเข้าไปยังป่ามหาวัน ประทับนั่งพักกลางวันที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ก็สมัยนั้น เจ้าลิจฉวีกุมารหลายคนถือธนูที่ขึ้นสาย มีฝูงสุนัขแวดล้อม เดินเที่ยวไปในป่ามหาวัน ครั้นได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง จึงวางธนูที่ขึ้นสายไว้แล้ว และปล่อยฝูงสุนัขไป ณ ที่สมควร ครั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว ต่างนั่งนิ่งประนมมืออยู่ใกล้พระผู้มีพระภาค.
ก็สมัยนั้น เจ้าลิจฉวีนามว่ามหานามะ เดินพักผ่อนอยู่ในป่ามหาวัน ได้เห็นเจ้าลิจฉวีกุมารเหล่านั้น ผู้ต่างนั่งนิ่งประนมมืออยู่ใกล้พระผู้มีพระภาค จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ครั้นแล้ว ได้เปล่งอุทานว่า เจ้าวัชชีจักเจริญ เจ้าวัชชีจักเจริญ.
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า มหานามะ เพราะเหตุอะไร ท่านจึงกล่าวอย่างนี้ว่า เจ้าวัชชีจักเจริญ เจ้าวัชชีจักเจริญ.
ภันเต เจ้าลิจฉวีกุมารเหล่านี้ เป็นผู้ดุร้าย หยาบคาย กระด้าง ของขวัญต่างๆ ที่ส่งไปในตระกูลทั้งหลาย คือ อ้อย พุทรา ขนม ขนมต้ม หรือขนมแดกงา เจ้าลิจฉวีกุมารเหล่านี้ย่อมแย่งชิงเอาไปกิน ย่อมถีบหลังหญิงแห่งตระกูลบ้าง ถีบหลังกุมารีแห่งตระกูลบ้าง แต่บัดนี้ เจ้าลิจฉวีกุมารเหล่านี้ ต่างนั่งนิ่งประนมมืออยู่ใกล้พระผู้มีพระภาค.
มหานามะ ธรรม ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่แก่กุลบุตรคนใดคนหนึ่ง จะเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับมุรธาภิเษกแล้วก็ตาม จะเป็นผู้ปกครองรัฐ ซึ่งรับมรดกจากบิดาก็ตาม จะเป็นอัครเสนาบดีก็ตาม จะเป็นผู้ปกครองหมู่บ้านก็ตาม จะเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม จะเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลก็ตาม กุลบุตรนั้นพึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย ธรรม ๕ ประการอะไรบ้าง คือ
มหานามะ กุลบุตรในกรณีนี้ ย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชามารดาบิดา ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ที่ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม มารดาบิดาผู้ได้รับการสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้นด้วยน้ำใจอันงามว่า ขอจงมีชีวิตยืนนาน รักษาอายุให้ยืนนาน กุลบุตรผู้อันมารดาบิดาอนุเคราะห์แล้ว พึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
มหานามะ อีกประการหนึ่ง กุลบุตรย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชา บุตร ภรรยา ทาสกรรมกร และคนรับใช้ ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้มาด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ที่ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม บุตร ภรรยา ทาส กรรมกร และคนรับใช้ ผู้ได้รับสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้น ด้วยน้ำใจอันงามว่า ขอจงมีชีวิตยืนนาน รักษาอายุให้ยืนนาน กุลบุตรผู้อันบุตร ภรรยา ทาส กรรมกร และคนรับใช้อนุเคราะห์แล้ว พึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
มหานามะ อีกประการหนึ่ง กุลบุตรย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชา เพื่อนชาวนาและคนที่ร่วมงาน ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ที่ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม เพื่อนชาวนา และคนที่ร่วมงาน ผู้ได้รับสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้นด้วยน้ำใจอันงามว่า ขอจงมีชีวิตยืนนาน รักษาอายุให้ยืนนาน กุลบุตรผู้อันเพื่อนชาวนา และคนที่ร่วมงานอนุเคราะห์แล้ว พึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
มหานามะ อีกประการหนึ่ง กุลบุตรย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชา เทวดาผู้รับพลีกรรม ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ที่ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม เทวดาผู้รับพลีกรรมได้รับสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้นด้วยน้ำใจอันงามว่า ขอจงมีชีวิตยืนนาน รักษาอายุให้ยืนนาน กุลบุตรผู้อันเทวดาอนุเคราะห์แล้ว พึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
มหานามะ อีกประการหนึ่ง กุลบุตรย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชา สมณะหรือพราหมณ์ ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ที่ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม สมณะหรือพราหมณ์ผู้ได้รับสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้นด้วยน้ำใจอันงามว่า ขอจงมีชีวิตยืนนาน รักษาอายุให้ยืนนาน กุลบุตรอันสมณะหรือพราหมณ์อนุเคราะห์แล้ว พึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย
มหานามะ ธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล มีอยู่แก่กุลบุตรคนใดคนหนึ่ง จะเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับมุรธาภิเษกแล้วก็ตาม จะเป็นผู้ปกครองรัฐ ซึ่งรับมรดกจากบิดาก็ตาม จะเป็นอัครเสนาบดีก็ตาม จะเป็นผู้ปกครองหมู่บ้านก็ตาม จะเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม จะเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลก็ตาม กุลบุตรนั้นพึงหวังได้รับความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
กุลบุตรผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ย่อมทำการงานแทนมารดาบิดา
บำเพ็ญประโยชน์แก่บุตรภรรยา ปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ชนทั้ง ๒ ฝ่าย
คือ ชนภายในและชนผู้ที่อาศัยบุคคลนั้นอยู่
กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิต เมื่ออยู่ครองเรือนโดยธรรม
ย่อมทำความยินดีให้เกิดขึ้นแก่ญาติทั้งที่ล่วงลับไปแล้ว และทั้งที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
ย่อมทำความยินดีให้เกิดขึ้นแก่สมณพราหมณ์ และเทวดา
กุลบุตรผู้นั้น ครั้นบำเพ็ญกัลยาณธรรมแล้ว
ย่อมเป็นผู้ควรบูชา ควรสรรเสริญ
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้
เขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงใจในสวรรค์.
-บาลี ปญฺจก. อํ. 22/86/58.
https://84000.org/tipitaka/pali/?22//86
https://etipitaka.com/read/pali/22/86/
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Vesālī, at the Great Wood, in the hall with the peaked roof.
Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Vesālī for alms. Then after the meal, on his return from almsround, he plunged deep into the Great Wood and sat at the root of a tree for the day’s meditation.
Now at that time several Licchavi youths took strung bows and, escorted by a pack of hounds, were going for a walk in the Great Wood when they saw the Buddha seated at the root of a tree. When they saw him, they put down their strung bows, tied their hounds up to one side, and went up to him. They bowed and silently paid homage to the Buddha with joined palms.
Now at that time Mahānāma the Licchavi was going for a walk in the Great Wood when he saw those Licchavi youths silently paying homage to the Buddha with joined palms. Seeing this, he went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and expressed this heartfelt sentiment, “They will make it as Vajjis! They will make it as Vajjis!”
“But Mahānāma, why do you say that they will make it as Vajjis?”
“Sir, these Licchavi youths are violent, harsh, and brash. Whenever sweets are left out for families—sugar-cane, jujube fruits, pancakes, pies, or fritters—they filch them and eat them up. And they hit women and girls of good families on their backs. But now they’re silently paying homage to the Buddha with joined palms.”
“Mahānāma, you can expect only growth, not decline, when you find five qualities in any gentleman—whether he’s an anointed aristocratic king, an appointed or hereditary official, an army general, a village chief, a guild chief, or a ruler of his own clan.
What five?
Firstly, a gentleman uses his legitimate wealth—earned by his efforts and initiative, built up with his own hands, gathered by the sweat of the brow—to honor, respect, esteem, and venerate his mother and father. Honored in this way, his mother and father love him with a good heart, wishing: ‘Live long! Stay alive for a long time!’ When a gentleman is loved by his mother and father, you can expect only growth, not decline.
Furthermore, a gentleman uses his legitimate wealth to honor, respect, esteem, and venerate his wives and children, bondservants, workers, and staff. Honored in this way, his wives and children, bondservants, workers, and staff love him with a good heart, wishing: ‘Live long! Stay alive for a long time!’ When a gentleman is loved by his wives and children, bondservants, workers, and staff, you can expect only growth, not decline.
Furthermore, a gentleman uses his legitimate wealth to honor, respect, esteem, and venerate those who work the neighboring fields, and those he does business with. Honored in this way, those who work the neighboring fields, and those he does business with love him with a good heart, wishing: ‘Live long! Stay alive for a long time!’ When a gentleman is loved by those who work the neighboring fields, and those he does business with, you can expect only growth, not decline.
Furthermore, a gentleman uses his legitimate wealth to honor, respect, esteem, and venerate the deities who receive spirit-offerings. Honored in this way, the deities who receive spirit-offerings love him with a good heart, wishing: ‘Live long! Stay alive for a long time!’ When a gentleman is loved by the deities, you can expect only growth, not decline.
Furthermore, a gentleman uses his legitimate wealth to honor, respect, esteem, and venerate ascetics and brahmins. Honored in this way, ascetics and brahmins love him with a good heart, wishing: ‘Live long! Stay alive for a long time!’ When a gentleman is loved by ascetics and brahmins, you can expect only growth, not decline.
You can expect only growth, not decline, when you find these five qualities in any gentleman—whether he’s an anointed aristocratic king, an appointed or hereditary official, an army general, a village chief, a guild chief, or a ruler of his own clan.
He’s always dutiful to his mother and father,
and for the good of his wives and children.
He looks after those in his household,
and those dependent on him for their livelihood.
A kind and ethical person
looks after the welfare of relatives—
both those who have passed away,
and those alive at present.
While living at home, an astute person
uses legitimate means to give rise to joy
for ascetics, brahmins,
and also the gods.
Having done good,
he’s venerable and praiseworthy.
They praise him in this life,
and he departs to rejoice in heaven.”
English translation by Bhikkhu Bodhi
On one occasion the Blessed One was dwelling at Vesālī in the hall with the peaked roof in the Great Wood. Then, in the morning, the Blessed One dressed, took his bowl and robe, and entered Vesālī for alms. Having walked for alms in Vesālī, after the meal, when he had returned from his alms round, he entered the Great Wood and sat down at the foot of a tree to dwell for the day.
Now on that occasion a number of Licchavi youths had taken their strung bows and were walking and wandering in the Great Wood, accompanied by a pack of dogs, when they saw the Blessed One seated at the foot of a tree to dwell for the day. When they saw him, they put down their strung bows, sent the dogs off to one side, and approached him. They paid homage to the Blessed One and silently stood in attendance upon him with their hands joined in reverential salutation.
Now on that occasion the Licchavi youth Mahānāma was walking and wandering for exercise in the Great Wood when he saw the Licchavi youths silently standing in attendance upon the Blessed One with their hands joined in reverential salutation. He then approached the Blessed One, paid homage to him, sat down to one side, and uttered this inspired utterance: “They will be Vajjis! They will be Vajjis!”
The Blessed One said:“But why, Mahānāma, do you say: ‘They will be Vajjis! They will be Vajjis!’?”
“These Licchavi youths, Bhante, are violent, rough, and brash. They are always plundering any sweets that are left as gifts among families, whether sugar cane, jujube fruits, cakes, pies, or sugarballs, and then they devour them. They give women and girls of respectable families blows on their backs. Now they are standing silently in attendance upon the Blessed One with their hands joined in reverential salutation.”
“Mahānāma, in whatever clansman five qualities are found—whether he is a consecrated khattiya king, a country gentleman, the general of an army, a village headman, a guildmaster, or one of those who exercise private rulership over various clans—only growth is to be expected, not decline. What five?
(1) “Here, Mahānāma, with wealth acquired by energetic striving, amassed by the strength of his arms, earned by the sweat of his brow, righteous wealth righteously gained, a clansman honors, respects, esteems, and venerates his parents. His parents, being honored, respected, esteemed, and venerated, have compassion on him with a good heart, thinking: ‘May you live long and maintain a long life span.’ When a clansman’s parents have compassion for him, only growth is to be expected for him, not decline.
(2) “Again, Mahānāma, with wealth acquired by energetic striving, amassed by the strength of his arms, earned by the sweat of his brow, righteous wealth righteously gained, a clansman honors, respects, esteems, and venerates his wife and children, his slaves, workers, and servants. Being honored, respected, esteemed, and venerated, they have compassion on him with a good heart, thinking: ‘May you live long!’ When a clansman’s wife and children, slaves, workers, and servants have compassion for him, only growth is to be expected for him, not decline.
(3) “Again, Mahānāma, with wealth acquired by energetic striving, amassed by the strength of his arms, earned by the sweat of his brow, righteous wealth righteously gained, a clansman honors, respects, esteems, and venerates the owners of the neighboring fields and those with whom he does business. Being honored, respected, esteemed, and venerated, they have compassion on him with a good heart, thinking: ‘May you live long!’ When the owners of the neighboring fields and those with whom he does business have compassion for a clansman, only growth is to be expected for him, not decline.
(4) “Again, Mahānāma, with wealth acquired by energetic striving, amassed by the strength of his arms, earned by the sweat of his brow, righteous wealth righteously gained, a clansman honors, respects, esteems, and venerates the oblational deities. Being honored, respected, esteemed, and venerated, they have compassion on him with a good heart, thinking: ‘May you live long!’ When the oblational deities have compassion for a clansman, only growth is to be expected for him, not decline.
(5) “Again, Mahānāma, with wealth acquired by energetic striving, amassed by the strength of his arms, earned by the sweat of his brow, righteously gained, a clansman honors, respects, esteems, and venerates ascetics and brahmins. Being honored, respected, esteemed, and venerated, they have compassion on him with a good heart, thinking: ‘May you live long!’ When ascetics and brahmins have compassion for a clansman, only growth is to be expected for him, not decline.
“Mahānāma, in whatever clansman these five qualities are found—whether he is a consecrated khattiya king, a country gentleman, the general of an army, a village headman, a guildmaster, or one of those who exercise private rulership over various clans—only growth is to be expected, not decline.”
He always does his duty toward his parents;
he promotes the welfare of his wife and children.
He takes care of the people in his home
and those who live in dependence on him.
The wise person, charitable and virtuous,
acts for the good of both kinds of relatives,
those who have passed away
and those still living in this world.
He benefits ascetics and brahmins,
and also the deities;
he is one who gives rise to joy
while living a righteous life at home.
Having done what is good,
he is worthy of veneration and praise.
They praise him here in this world
and after death he rejoices in heaven.