วันพระ (29/12/2024)
ภิกษุทั้งหลาย หากว่าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของผู้อื่น เมื่อเป็นอย่างนั้น ภิกษุนั้น พึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตน ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.
ภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตนเป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษที่เป็นชายหนุ่มหรือเป็นหญิงสาว มีปกติชอบแต่งตัว ส่องดูเงาหน้าของตนในกระจกอันสะอาดหมดจด หรือในภาชนะน้ำอันใส ถ้าเห็นธุลีหรือจุดดำที่หน้านั้น ก็พยายามเพื่อขจัดธุลี หรือจุดดำนั้นเสีย ถ้าว่าไม่เห็นธุลีหรือจุดดำที่หน้านั้น ก็ย่อมดีใจ มีความดำริอันบริบูรณ์ด้วยเหตุนั้นว่า เป็นลาภของเราหนอ หน้าของเราบริสุทธิ์แล้วหนอ.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น การพิจารณาของภิกษุว่า เราเป็นผู้ได้ความสงบแห่งใจในภายในหรือไม่หนอ หรือว่าเป็นผู้ไม่ได้ความสงบแห่งใจในภายใน เราเป็นผู้ได้ความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่งหรือไม่หนอ หรือว่าเราเป็นผู้ไม่ได้ความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง ดังนี้ ย่อมมีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย.
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราได้ความสงบแห่งใจภายใน แต่ไม่ได้ความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง ดังนี้ ภิกษุนั้นพึงตั้งอยู่ในความสงบแห่งใจในภายใน แล้วกระทำความเพียรเพื่อความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง สมัยต่อมา ภิกษุนั้นย่อมได้ทั้งความสงบแห่งใจในภายใน และได้ทั้งความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง.
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราได้ความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง แต่ไม่ได้ความสงบแห่งใจในภายใน ดังนี้ ภิกษุนั้นพึงตั้งอยู่ในความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง แล้วกระทำความเพียรเพื่อความสงบแห่งใจในภายใน สมัยต่อมา ภิกษุนั้นย่อมได้ทั้งความเห็นแจ้งในธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง และได้ทั้งความสงบแห่งใจในภายใน. …”
-บาลี อํ. ทสก. 24/104/54.