เสี้ยนหนาม ๑๐ ประการ
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลี พร้อมด้วยพระเถระผู้เป็นสาวกซึ่งมีชื่อเสียงหลายรูป คือ ท่านพระปาละ ท่านพระอุปปาละ ท่านพระกักกฏะ ท่านพระกฬิมภะ ท่านพระนิกฏะ ท่านพระกฏิสสหะ และพร้อมด้วยพระเถระผู้เป็นสาวกซึ่งมีชื่อเสียงเหล่าอื่น.
ก็สมัยนั้น พวกเจ้าลิจฉวีที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ขึ้นยานพาหนะชั้นดี มีเสียงอื้ออึงต่อกันเข้าไปยังป่ามหาวัน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้งนั้น ท่านผู้มีอายุเหล่านั้นได้มีความคิดว่า เจ้าลิจฉวีผู้มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากเหล่านี้ ขึ้นยานพาหนะชั้นดี มีเสียงอื้ออึงต่อกันเข้ามายังป่ามหาวัน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฌานมีเสียงเป็นเสี้ยนหนาม ถ้าอย่างไร เราทั้งหลายพึงเข้าไปยังป่าโคสิงคสาลวัน ในที่นั้นเราทั้งหลายจะได้เป็นผู้มีเสียงน้อย ไม่เกลื่อนกล่น อยู่เป็นผาสุก ครั้งนั้น ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น ได้เข้าไปยังป่าโคสิงคสาลวัน ในที่นั้น ท่านผู้มีอายุเหล่านั้นเป็นผู้มีเสียงน้อย ไม่เกลื่อนกล่น อยู่เป็นผาสุก.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ปาลภิกษุไปไหน อุปปาลภิกษุ กักกฏภิกษุ กฬิมภภิกษุ นิกฏภิกษุ กฏิสสหภิกษุไปไหน พระเถระผู้เป็นสาวกเหล่านั้นไปไหน.
ภิกษุทั้งหลายทูลว่า ภันเต ท่านผู้มีอายุเหล่านั้นคิดว่า เจ้าลิจฉวีผู้มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากเหล่านี้ ขึ้นยานพาหนะชั้นดี มีเสียงอื้ออึงต่อกันเข้ามายังป่ามหาวัน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฌานมีเสียงเป็นเสี้ยนหนาม ถ้าอย่างไร เราทั้งหลายพึงเข้าไปยังป่าโคสิงคสาลวัน ในที่นั้น เราทั้งหลายจะได้เป็นผู้มีเสียงน้อย ไม่เกลื่อนกล่น อยู่เป็นผาสุก ภันเต ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น เข้าไปยังป่าโคสิงคสาลวัน ในที่นั้น ท่านเหล่านั้นเป็นผู้มีเสียงน้อย ไม่เกลื่อนกล่น อยู่เป็นผาสุก.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ ภิกษุทั้งหลาย จริงดังที่มหาสาวกเหล่านั้น เมื่อพยากรณ์โดยชอบ พึงพยากรณ์อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า ฌานมีเสียงเป็นเสี้ยนหนาม ภิกษุทั้งหลาย เสี้ยนหนาม ๑๐ ประการเหล่านี้ ๑๐ ประการอะไรบ้าง คือ
๑) ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ เป็นเสี้ยนหนามต่อความเป็นผู้ยินดีในความสงัด
๒) การประกอบสุภนิมิต เป็นเสี้ยนหนามต่อผู้ประกอบอสุภนิมิต
๓) การดูมหรสพที่เป็นข้าศึก เป็นเสี้ยนหนามต่อผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๔) การใกล้ชิดกับสตรี เป็นเสี้ยนหนามต่อพรหมจรรย์
๕) เสียง เป็นเสี้ยนหนามต่อปฐมฌาน
๖) วิตกวิจาร เป็นเสี้ยนหนามต่อทุติยฌาน
๗) ปีติ เป็นเสี้ยนหนามต่อตติยฌาน
๘) ลมอัสสาสปัสสาสะ (ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก) เป็นเสี้ยนหนามต่อจตุตถฌาน
๙) สัญญาและเวทนา เป็นเสี้ยนหนามต่อสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
๑๐) ราคะ เป็นเสี้ยนหนาม โทสะ เป็นเสี้ยนหนาม
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนามอยู่เถิด ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม จงเป็นผู้หมดเสี้ยนหนามอยู่เถิด ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม เป็นผู้หมดเสี้ยนหนาม.[๑]
-บาลี ทสก. อํ. 24/143/72.
https://84000.org/tipitaka/pali/?24//143,
https://etipitaka.com/read/pali/24/143
[๑] พระไตรปิฎกฉบับมอญ เป็น เธอทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนามอยู่เถิด เธอทั้งหลายจงเป็นผู้หมดปฏิปักอยู่เถิด ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม จงเป็นผู้หมดเสี้ยนหนามอยู่เถิด ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม เป็นผู้หมดเสี้ยนหนาม พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่มีเสี้ยนหนาม เป็นผู้หมดเสี้ยนหนาม.
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Vesālī, at the Great Wood, in the hall with the peaked roof, together with several well-known senior disciples. They included Venerables Cāla, Upacāla, Kakkaṭa, Kaṭimbha, Kaṭa, Kaṭissaṅga, and other well-known senior disciples.
Now at that time several well-known Licchavis plunged deep into the Great Wood to see the Buddha. Driving a succession of fine carriages, they made a dreadful racket. Then those venerables thought:
“These several well-known Licchavis have plunged deep into the Great Wood to see the Buddha. Driving a succession of fine carriages, they’re making a dreadful racket. But the Buddha has said that sound is a thorn to absorption. Let’s go to the Gosiṅga Sal Wood. There we can meditate comfortably, free of noise and crowds.” Then those venerables went to the Gosiṅga Sal Wood, where they meditated comfortably, free of noise and crowds.
Then the Buddha said to the mendicants:
“Mendicants, where are Cāla, Upacāla, Kakkaṭa, Kaṭimbha, Kaṭa, and Kaṭissaṅga? Where have these senior disciples gone?”
And the mendicants told him what had happened.
“Good, good, mendicants! It’s just as those great disciples have so rightly explained. I have said that sound is a thorn to absorption.
Mendicants, there are these ten thorns. What ten? Relishing company is a thorn for someone who loves seclusion. Focusing on the beautiful feature of things is a thorn for someone pursuing the meditation on ugliness. Seeing shows is a thorn to someone restraining the senses. Lingering in the neighborhood of females is a thorn to celibacy. Sound is a thorn to the first absorption. Placing the mind and keeping it connected are a thorn to the second absorption. Rapture is a thorn to the third absorption. Breathing is a thorn to the fourth absorption. Perception and feeling are a thorn to the attainment of the cessation of perception and feeling. Greed, hate, and delusion are thorns.
Mendicants, live free of thorns! Live rid of thorns! Mendicants, live free of thorns and rid of thorns! The perfected ones live free of thorns, rid of thorns, free and rid of thorns.”