เมื่อหลีกเร้นแล้ว ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริง (๓)
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียรในการหลีกเร้นเถิด ภิกษุผู้หลีกเร้นย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริง ก็ภิกษุย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงซึ่งอะไร คือ
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ตาไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า รูปทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางตาไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางตาไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางตาเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า หูไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า เสียงทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางหูไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางหูไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางหูเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า จมูกไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า กลิ่นทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางจมูกไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางจมูกไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางจมูกเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ลิ้นไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า รสทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางลิ้นไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางลิ้นไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางลิ้นเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า กายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า โผฏฐัพพะทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางกายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางกายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางกายเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ใจไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า วิญญาณทางใจไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า ผัสสะทางใจไม่เที่ยง ย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริงว่า แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะทางใจเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง.
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียรในการหลีกเร้นเถิด ภิกษุผู้หลีกเร้นย่อมรู้ได้ตามความเป็นจริง.
-บาลี สฬา. สํ. 10/100/148.
https://84000.org/tipitaka/pali/?18//100,
https://etipitaka.com/read/pali/18/100
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, meditate in retreat. A mendicant in retreat truly understands. What do they truly understand?
They truly understand that the eye is impermanent. They truly understand that sights … eye consciousness … eye contact … the pleasant, painful, or neutral feeling that arises conditioned by eye contact is impermanent. …
They truly understand that the mind is impermanent. They truly understand that thoughts … mind consciousness … mind contact … the pleasant, painful, or neutral feeling that arises conditioned by mind contact is impermanent.
Mendicants, meditate in retreat. A mendicant in retreat truly understands.”
English translation by Bhikkhu Bodhi
“Bhikkhus, make an exertion in seclusion. A secluded bhikkhu understands things as they really are.”
“And what does he understand as they really are? He understands as it really is: ‘The eye is impermanent.’ He understands as it really is: ‘Forms are impermanent.’… ‘Eye-consciousness is impermanent. ’… ‘Eye-contact is impermanent.’… ‘Whatever feeling arises with eye-contact as condition—whether pleasant or painful or neither-painful-nor-pleasant—that too is impermanent.’…
“He understand as it really is: ‘The mind is impermanent.’… He understand as it really is: ‘Whatever feeling arises with mind-contact as condition … that too is impermanent.’
“Bhikkhus, make an exertion in seclusion. A secluded bhikkhu understands things as they really are.”