ประโยชน์ของการฟังธรรมที่เป็นกุศล
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่บุพพาราม ปราสาทของนางวิสาขามิคารมาตา เขตนครสาวัตถี สมัยนั้น เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ พระผู้มีพระภาคประทับนั่งกลางแจ้งมีภิกษุสงฆ์แวดล้อม ทรงมองดูภิกษุสงฆ์ที่สงบนิ่ง จึงได้ตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามพวกเธออย่างนี้ว่า จะมีประโยชน์อะไรเพื่อการฟังกุศลธรรมอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออก เป็นไปเพื่อความตรัสรู้ พวกเธอพึงตอบเขาอย่างนี้ว่า มีประโยชน์เพื่อรู้ธรรม ๒ อย่างตามความเป็นจริง ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า ธรรม ๒ อย่างที่ท่านทั้งหลายกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง พวกเธอพึงตอบเขาอย่างนี้ว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ อย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิ (เชื้อ) เหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะอุปธิเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอุปธินั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่าง โดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะสังขารเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งสังขารนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งวิญญาณนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งผัสสะนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ … พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งเวทนานั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งตัณหานั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึพึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอุปาทานนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึพึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะอารัมภะเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอารัมภะนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า การพิจารณาเห็นธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องเนืองๆ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นอีกบ้างไหม ให้ตอบเขาว่า พึงมีอยู่ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า พึงมีอย่างไรเล่า ให้ตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาหารเป็นปัจจัย ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอาหารทั้งหมดนั่นเอง ทุกข์จึงไม่เกิดขึ้น ข้อนี้เป็นอย่างที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรม ๒ อย่างโดยถูกต้องอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. …
-บาลี สุตฺต. ขุ. 25/473/390.
https://84000.org/tipitaka/pali/?25//473,
https://etipitaka.com/read/pali/25/473
English translation by Bhikkhu Sujato
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in the Eastern Monastery, the stilt longhouse of Migāra’s mother. Now, at that time it was the sabbath—the full moon on the fifteenth day—and the Buddha was sitting in the open surrounded by the Saṅgha of monks. Then the Buddha looked around the Saṅgha of mendicants, who were so very silent. He addressed them:
“Suppose, mendicants, they questioned you thus: ‘There are skillful teachings that are noble, emancipating, and lead to awakening. What is the real reason for listening to such teachings?’ You should answer: ‘Only so as to truly know the pairs of teachings.’ And what pairs do they speak of?
‘This is suffering; this is the origin of suffering’: this is the first contemplation. ‘This is the cessation of suffering; this is the practice that leads to the cessation of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates rightly contemplating a pair of teachings in this way—diligent, keen, and resolute—they can expect one of two results: enlightenment in the present life, or if there’s something left over, non-return.” …
“Suppose, mendicants, they questioned you thus: ‘Could there be another way to contemplate the pairs?’ You should say, ‘There could.’ And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by attachment’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of attachment there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“Suppose, mendicants, they questioned you thus: ‘Could there be another way to contemplate the pairs?’ You should say, ‘There could.’ And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by ignorance’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of ignorance there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by choices’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of choices there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by consciousness’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of consciousness there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by contact’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of contact there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by feeling’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of feeling there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by craving’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of craving there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by grasping’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of grasping there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by instigating karma’: this is one contemplation. .‘With the utter cessation of instigation there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
“‘Could there be another way?’ … And how could there be? ‘All the suffering that originates is caused by sustenance’: this is one contemplation. ‘With the utter cessation of sustenance there is no origination of suffering’: this is the second contemplation. When a mendicant meditates in this way they can expect enlightenment or non-return.” …
/vc_column_text]