ผลของการเห็นโดยความน่าพอใจ และเห็นโดยความน่าเบื่อหน่าย ในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสัญโญชน์
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ ๒ อย่างอะไรบ้าง คือ
๑) การพิจารณาเห็นโดยความเป็นของน่าพอใจ (อัสสาทะ) ในธรรมทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์
๒) การพิจารณาเห็นโดยความเป็นของน่าเบื่อหน่าย (นิพพิทา) ในธรรมทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้พิจารณาเห็นโดยความเป็นของน่าพอใจเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์อยู่ ย่อมละราคะไม่ได้ ย่อมละโทสะไม่ได้ ย่อมละโมหะไม่ได้ เพราะยังละราคะไม่ได้ ยังละโทสะไม่ได้ ยังละโมหะไม่ได้แล้ว ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรามรณะ โสกปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้พิจารณาเห็นโดยความเป็นของน่าเบื่อหน่ายเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์อยู่ ย่อมละราคะได้ ย่อมละโทสะได้ ย่อมละโมหะได้ เพราะละราคะได้ ละโทสะได้ ละโมหะได้แล้ว ย่อมพ้นจากชาติ ชรามรณะ โสกปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมพ้นไปจากทุกข์ได้.
ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล ธรรม ๒ อย่าง.
-บาลี ทุก. อํ. 20/65/252.
https://84000.org/tipitaka/pali/?20//65,
https://etipitaka.com/read/pali/20/65
English translation by Bhikkhu Sujato
“There are, mendicants, these two things. What two? Seeing things that are prone to being fettered as gratifying, and seeing things that are prone to being fettered as boring. When you keep seeing things that are prone to being fettered as gratifying, you don’t give up greed, hate, and delusion. When these are not given up, you’re not freed from rebirth, old age, and death, from sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. You’re not freed from suffering, I say.
When you keep seeing things that are prone to being fettered as boring, you give up greed, hate, and delusion. When these are given up, you’re freed from rebirth, old age, and death, from sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. You’re freed from suffering, I say. These are the two things.”