Rituals don’t help anything.
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Nālandā in Pāvārika’s mango grove.
Then Asibandhaka’s son the chief went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him:
“Sir, there are western brahmins draped with moss who carry pitchers, immerse themselves in water, and serve the sacred flame. When someone has passed away, they truly lift them up, raise them up, and guide them along to heaven. But what about the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha: is he able to ensure that the whole world will be reborn in a good place, a heavenly realm when their body breaks up, after death?”
“Well then, chief, I’ll ask you about this in return, and you can answer as you like.
What do you think, chief? Take a person who kills living creatures, steals, and commits sexual misconduct. They use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re covetous, malicious, and have wrong view. And a large crowd comes together to offer up prayers and praise, circumambulating them with joined palms and saying: ‘When this person’s body breaks up, after death, may they be reborn in a good place, a heavenly realm!’ What do you think, chief? Would that person be reborn in heaven because of their prayers?”
“No, sir.”
“Chief, suppose a person were to throw a broad rock into a deep lake. And a large crowd was to come together to offer up prayers and praise, circumambulating it with joined palms, and saying: ‘Rise, good rock! Float, good rock! Float to shore, good rock!’ What do you think, chief? Would that broad rock rise up or float because of their prayers?”
“No, sir.”
“In the same way, take a person who kills living creatures, steals, and commits sexual misconduct. They use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re covetous, malicious, and have wrong view. Even though a large crowd comes together to offer up prayers and praise … when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell.
What do you think, chief? Take a person who doesn’t kill living creatures, steal, or commit sexual misconduct. They don’t use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re contented, kind-hearted, and have right view. And a large crowd comes together to offer up prayers and praise, circumambulating them with joined palms and saying: ‘When this person’s body breaks up, after death, may they be reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell!’ What do you think, chief? Would that person be reborn in hell because of their prayers?”
“No, sir.”
“Chief, suppose a person were to sink a pot of ghee or oil into a deep lake and break it open. Its shards and chips would sink down, while the ghee or oil in it would rise up. And a large crowd was to come together to offer up prayers and praise, circumambulating it with joined palms and saying: ‘Sink, good ghee or oil! Descend, good ghee or oil! Go down, good ghee or oil!” What do you think, chief? Would that ghee or oil sink and descend because of their prayers?”
“No, sir.”
“In the same way, take a person who doesn’t kill living creatures, steal, or commit sexual misconduct. They don’t use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical. And they’re contented, kind-hearted, and have right view. Even though a large crowd comes together to offer up prayers and praise … when their body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm.”
When he said this, Asibandhaka’s son the chief said to the Buddha, “Excellent, sir! … From this day forth, may the Buddha remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวัน ใกล้เมืองนาฬันทา ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มี
พระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ภันเต พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ มีคณโฑน้ำติดตัว ประดับพวงมาลัยสาหร่าย อาบน้ำทุกเช้าเย็น และบำเรอไฟ พราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่า ทำสัตว์ที่ตายกระทำกาละแล้วให้เป็นขึ้น ให้รู้ชอบ ชวนให้เข้าสวรรค์ ภันเต ก็พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ สามารถกระทำให้สัตว์โลกทั้งหมด เมื่อตายไป พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ได้หรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
คามณิ ถ้าอย่างนั้น เราจักย้อนถามท่านในข้อนี้ ปัญหาควรแก่ท่านด้วยประการใดท่านพึงพยากรณ์ปัญหาข้อนั้นด้วยประการนั้น ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษบางคนในโลกนี้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด มีหมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบผู้นั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไปจงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เถิด ดังนี้ คามณิ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นเมื่อตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน เพราะแห่งเหตุการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบดังนี้หรือ.
ไม่ใช่อย่างนั้น ภันเต.
คามณิ เปรียบเหมือนบุรุษโยนหินก้อนหนาใหญ่ลงในห้วงน้ำลึก หมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบหินนั้นว่า ขอจงโผล่ขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงลอยขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงขึ้นบกเถิดท่านก้อนหิน ดังนี้ คามณิ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร ก้อนหินนั้นจะโผล่ขึ้น หรือจะลอยขึ้น หรือจะขึ้นบก เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน เพราะเหตุแห่งการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนดังนี้หรือ.
ไม่ใช่อย่างนั้น ภันเต
คามณิ ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษคนใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด แม้หมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็จริง แต่บุรุษนั้นเมื่อตาย จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก.
คามณิ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่างอย่างไร บุรุษบางคนในโลกนี้ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นถูกต้อง มีหมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบผู้นั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไปจงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเถิด ดังนี้ คามณิ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นเมื่อตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน เพราะเหตุแห่งการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนดังนี้หรือ.
ไม่ใช่อย่างนั้น ภันเต
คามณิ เปรียบเหมือนบุรุษลงไปยังห้วงน้ำลึกแล้ว ทุบหม้อเนยใส หรือหม้อน้ำมัน ก้อนกรวดหรือก้อนหินที่มีอยู่ในหม้อนั้น พึงจมลง เนยใสหรือน้ำมันที่มีอยู่ในหม้อนั้นก็จะลอยขึ้น หมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วพึงสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบเนยใสหรือน้ำมันนั้นว่า ขอจงจมลงเถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงดำลงเถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงลงไปภายใต้น้ำเถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ดังนี้ คามณิ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร เนยใสหรือน้ำมันนั้นจะจมลง จะดำลง จะลงไปภายใต้น้ำ เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน เพราะเหตุแห่งการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุแห่งการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนดังนี้หรือ.
ไม่ใช่อย่างนั้น ภันเต
คามณิ ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษใดเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นถูกต้อง แม้หมู่มหาชนพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเถิด ก็จริง แต่บุรุษนั้นเมื่อตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว นายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ภันเต ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภันเต ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจการหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือส่องไฟในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีตาที่ดีจะได้เห็นรูป ดังนี้ ภันเต
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค กับทั้งพระธรรม และภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพเจ้าว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
-บาลี สฬา. สํ. 18/384/598.
https://84000.org/tipitaka/pali/?18//384
https://etipitaka.com/read/pali/18/384/