Differences between a learned noble disciple and an unlearned ordinary person as regards immersion. (2)
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, these three people are found in the world. What three?
First, a person, going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite space. They enjoy it and like it and find it satisfying. If they’re set on that, committed to it, and meditate on it often without losing it, when they die they’re reborn in the company of the gods of the dimension of infinite space. The lifespan of the gods of infinite space is twenty thousand eons. An ordinary person stays there until the lifespan of those gods is spent, then they go to hell or the animal realm or the ghost realm. But a disciple of the Buddha stays there until the lifespan of those gods is spent, then they’re extinguished in that very life. This is the difference between a learned noble disciple and an unlearned ordinary person as regards their place of rebirth.
Furthermore, a person, going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite consciousness. They enjoy it and like it and find it satisfying. If they’re set on that, committed to it, and meditate on it often without losing it, when they die they’re reborn in the company of the gods of the dimension of infinite consciousness. The lifespan of the gods of infinite consciousness is forty thousand eons. An ordinary person stays there until the lifespan of those gods is spent, then they go to hell or the animal realm or the ghost realm. But a disciple of the Buddha stays there until the lifespan of those gods is spent, then they’re extinguished in that very life. This is the difference between a learned noble disciple and an unlearned ordinary person as regards their place of rebirth.
Furthermore, a person, going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, enters and remains in the dimension of nothingness. They enjoy it and like it and find it satisfying. If they’re set on that, committed to it, and meditate on it often without losing it, when they die they’re reborn in the company of the gods of the dimension of nothingness. The lifespan of the gods of nothingness is sixty thousand eons. An ordinary person stays there until the lifespan of those gods is spent, then they go to hell or the animal realm or the ghost realm. But a disciple of the Buddha stays there until the lifespan of those gods is spent, then they’re extinguished in that very life. This is the difference between a learned noble disciple and an unlearned ordinary person as regards their place of rebirth.
These are the three people found in the world.”
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ในโลก หาได้ในโลก ๓ จำพวกอะไรบ้าง คือ
๑) ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ทำไว้ในใจซึ่งนานัตตสัญญา จึงบรรลุอากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้แล้วแลอยู่ เขาย่อมชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมนั้น และถึงความยินดีด้วยธรรมนั้น เขาดำรงอยู่ในธรรมนั้น น้อมใจไปในธรรมนั้น อยู่มากด้วยธรรมนั้น ไม่เสื่อมจากธรรมนั้น เมื่อทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ ภิกษุทั้งหลาย เหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ มีอายุประมาณ ๒๐,๐๐๐ กัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดเดรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ ในเมื่อคติอุบัติยังมีอยู่.
๒) ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงบรรลุวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า วิญญาณไม่มีที่สุด ดังนี้แล้วแลอยู่ เขาย่อมชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมนั้น และถึงความยินดีด้วยธรรมนั้น เขาดำรงอยู่ในธรรมนั้น น้อมใจไปในธรรมนั้น อยู่มากด้วยธรรมนั้น ไม่เสื่อมจากธรรมนั้น เมื่อทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ ภิกษุทั้งหลาย เหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ มีอายุประมาณ ๔๐,๐๐๐ กัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นวิญญาณัญจายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดเดรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคดำรงอยู่ในชั้นวิญญานัญจายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ ในเมื่อคติอุบัติยังมีอยู่.
๓) ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงบรรลุอากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า อะไร ๆ ไม่มี ดังนี้แล้วแลอยู่ เขาย่อมชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมนั้น และถึงความยินดีด้วยธรรมนั้น เขาดำรงอยู่ในธรรมนั้น น้อมใจไปในธรรมนั้น อยู่มากด้วยธรรมนั้น ไม่เสื่อมจากธรรมนั้น เมื่อทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ ภิกษุทั้งหลาย เหล่าเทวดาที่เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ มีอายุประมาณ ๖๐,๐๐๐ กัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดเดรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นจนตลอดอายุ เมื่ออายุประมาณของเทวดาเหล่านั้นหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ ในเมื่อคติอุบัติยังมีอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ในโลก หาได้ในโลก.
-บาลี ติก. อํ. 20/343/556.
https://84000.org/tipitaka/pali/?20//343
https://etipitaka.com/read/pali/20/343