The benefits of seeing impermanence in immersion.
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, these four people are found in the world. What four?
Firstly, a person, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first absorption … They contemplate the phenomena there—included in form, feeling, perception, choices, and consciousness—as impermanent, as suffering, as diseased, as a boil, as a dart, as misery, as an affliction, as alien, as falling apart, as empty, as not-self. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the gods of the pure abodes. This rebirth is not shared with ordinary people.
As the placing of the mind and keeping it connected are stilled, they enter and remain in the second absorption … third absorption … fourth absorption … They contemplate the phenomena there—included in form, feeling, perception, choices, and consciousness—as impermanent, as suffering, as diseased, as a boil, as a dart, as misery, as an affliction, as alien, as falling apart, as empty, as not-self. When their body breaks up, after death, they’re reborn in the company of the gods of the pure abodes. This rebirth is not shared with ordinary people.
These are the four people found in the world.”
English translation by Ṭhānissaro Bhikkhu
“Monks, there are these four types of individuals to be found existing in the world. Which four?
“There is the case where an individual, quite secluded from sensuality, secluded from unskillful qualities, enters & remains in the first jhāna: rapture & pleasure born of seclusion, accompanied by directed thought & evaluation. He regards whatever phenomena there that are connected with form, feeling, perception, fabrications, & consciousness, as inconstant, stressful, a disease, a cancer, an arrow, painful, an affliction, alien, a disintegration, an emptiness, not-self. At the break-up of the body, after death, he reappears in conjunction with the Devas of the Pure Abodes. This rebirth is not in common with run-of-the-mill people.
“Again, there is the case where an individual… enters the second jhāna… the third jhāna… the fourth jhāna… He regards whatever phenomena there that are connected with form, feeling, perception, fabrications, & consciousness, as inconstant, stressful, a disease, a cancer, an arrow, painful, an affliction, alien, a disintegration, an emptiness, not-self. At the break-up of the body, after death, he reappears in conjunction with the Devas of the Pure Abodes. This rebirth is not in common with run-of-the-mill people.
“These are four types of individuals to be found existing in the world.”
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ในโลก หาได้ในโลก ๔ จำพวกอะไรบ้าง คือ
๑) ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มีอยู่ในธรรมนั้น บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องแตกสลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นอนัตตา บุคคลนั้นภายหลังจากการตาย เพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.
๒) ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะวิตกวิจารระงับไป จึงบรรลุทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิแล้วแลอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มีอยู่ในธรรมนั้น บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องแตกสลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นอนัตตา บุคคลนั้นภายหลังจากการตาย เพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.
๓) ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย จึงบรรลุตติยฌาน อันพระอริยะกล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุขแล้วแลอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มีอยู่ในธรรมนั้น บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องแตกสลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นอนัตตา บุคคลนั้นภายหลังจากการตาย เพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.
๔) ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน จึงบรรลุจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความบริสุทธิ์แห่งสติเพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มีอยู่ในธรรมนั้น บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง เป็นของต้องแตกสลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นอนัตตา บุคคลนั้นภายหลังจากการตาย เพราะกายแตกทำลาย ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ภิกษุทั้งหลาย ความอุบัตินี้แล ไม่ทั่วไปด้วยปุถุชน.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ในโลก หาได้ในโลก.
-บาลี จตุกฺก. อํ. 21/171/124.
https://84000.org/tipitaka/pali/?21//171