Eating food once a day makes you healthy and strong.
English translation by Bhikkhu Sujato
… Then the Buddha said to the mendicants:
“Mendicants, I used to be satisfied with the mendicants. Once, I addressed them: ‘I eat my food in one sitting per day. Doing so, I find that I’m healthy and well, nimble, strong, and living comfortably. You too should eat your food in one sitting per day. Doing so, you’ll find that you’re healthy and well, nimble, strong, and living comfortably.’ I didn’t have to keep on instructing those mendicants; I just had to prompt their mindfulness.
Suppose a chariot stood harnessed to thoroughbreds at a level crossroads, with a goad ready. Then a deft horse trainer, a master charioteer, might mount the chariot, taking the reins in his right hand and goad in the left. He’d drive out and back wherever he wishes, whenever he wishes.
In the same way, I didn’t have to keep on instructing those mendicants; I just had to prompt their mindfulness. So, mendicants, you too should give up what’s unskillful and devote yourselves to skillful qualities. In this way you’ll achieve growth, improvement, and maturity in this teaching and training.
Suppose that not far from a town or village there was a large grove of sal trees that was choked with castor-oil weeds. Then along comes a person who wants to help protect and nurture that grove. They’d cut down the crooked sal saplings that were robbing the sap, and throw them out. They’d clean up the interior of the grove, and properly care for the straight, well-formed sal saplings. In this way, in due course, that sal grove would grow, increase, and mature.
In the same way, mendicants, you too should give up what’s unskillful and devote yourselves to skillful qualities. In this way you’ll achieve growth, improvement, and maturity in this teaching and training.
… ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย สมัยหนึ่ง พวกภิกษุได้ทำจิตของเราให้ยินดีเป็นอันมาก เราขอเตือนพวกเธอทั้งหลายไว้ในที่นี้ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราฉันอาหารในที่อาสนะแห่งเดียว เมื่อเราฉันอาหารในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ รู้สึกว่ามีอาพาธน้อย มีความลำบากกายน้อย มีความเบากาย มีกำลัง และอยู่อย่างผาสุก.
ภิกษุทั้งหลาย มาเถิด ถึงพวกเธอทั้งหลาย ก็จงฉันอาหารในที่นั่งแห่งเดียวเถิด เมื่อพวกเธอฉันอาหารในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ ก็จะรู้สึกว่ามีอาพาธน้อย มีความลำบากกายน้อย มีความเบากาย มีกำลัง และอยู่อย่างผาสุก.
ภิกษุทั้งหลาย เราจะไม่ต้องพร่ำสอนภิกษุเหล่านั้นอีก การทำสติให้เกิดได้เป็นกิจที่ต้องกระทำในภิกษุเหล่านั้นแล้ว ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนรถที่เทียมด้วยม้าอาชาไนย ซึ่งเป็นม้าที่ได้รับการฝึกมาดีแล้ว เป็นรถที่จอดอยู่บนทางใหญ่ ๔ แพร่ง มีพื้นที่ราบเรียบ นายสารถีผู้เชี่ยวชาญในการฝึกม้า ระดับครูฝึก ผู้ขยันขันแข็ง ขึ้นสู่รถนั้นแล้ว จับสายบังเหียนด้วยมือซ้าย จับแส้ด้วยมือขวา เพียงแค่ยกแส้ขึ้นเป็นสัญญาณ ก็สามารถให้ม้าพารถไปข้างหน้า หรือให้ถอยกลับไปข้างหลัง ได้ตามที่ตนปรารถนา ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น เราจะไม่ต้องพร่ำสอนภิกษุเหล่านั้นอีก การทำสติให้เกิดได้เป็นกิจที่ต้องกระทำในภิกษุเหล่านั้นแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้น แม้พวกเธอก็จงละอกุศลธรรมเสีย จงทำความพากเพียรแต่ในกุศลธรรมทั้งหลาย เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้พวกเธอก็จักถึงความเจริญ ความงอกงาม ความไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมีป่าสาละใหญ่ อยู่ใกล้บ้านหรือนิคม และป่านั้นเต็มไปด้วยต้นเอลัณฑะ ชายคนหนึ่ง เล็งเห็นประโยชน์และความปลอดภัยแก่ป่าสาละนั้น เขาจึงตัดต้นสาละเล็กๆ ที่คด และถางต้นเอลัณฑะที่คอยแย่งอาหารของต้นสาละนั้นออก นำไปทิ้งในภายนอกเสียสิ้น ทำภายในป่าให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว คอยรักษาต้นสาละเล็กๆ ต้นที่ตรงและแข็งแรงดี โดยวิธีการที่ถูกต้อง ภิกษุทั้งหลาย ด้วยการกระทำดังที่กล่าวมานี้แหละ กาลต่อมา ป่าไม้สาละนั้นก็ถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ขึ้นโดยลำดับ ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น แม้พวกเธอก็จงละอกุศลธรรมเสีย จงทำความพากเพียรอยู่แต่ในกุศลธรรมทั้งหลายเถิด เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเธอ ก็จะถึงความเจริญ ความงอกงาม ความไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้.
-บาลี มู. ม. 12/251/265.
https://84000.org/tipitaka/pali/?12//251
https://etipitaka.com/read/pali/12/251