Sentient beings roaming and transmigrating have no known beginning. (4)
English translation by Bhikkhu Sujato
At one time the Buddha was staying near Rājagaha, on the Vulture’s Peak Mountain. There the Buddha addressed the mendicants, “Mendicants!”
“Venerable sir,” they replied. The Buddha said this:
“Mendicants, transmigration has no known beginning. No first point is found of sentient beings roaming and transmigrating, hindered by ignorance and fettered by craving. Once upon a time, mendicants, this Mount Vepulla was known as Pācīnavaṁsa. And at that time people were known as Tivaras. The lifespan of the Tivaras was 40,000 years. It took them four days to climb Mount Vepulla, and four days to descend. At that time Kakusandha, the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha arose in the world. Kakusandha had a fine pair of chief disciples named Vidhura and Sañjīva. See, mendicants! This mountain’s name has vanished, those people have passed away, and that Buddha has become fully extinguished. So impermanent are conditions, so unstable are conditions, so unreliable are conditions. This is quite enough for you to become disillusioned, dispassionate, and freed regarding all conditions.
Once upon a time this Mount Vepulla was known as Vaṅkaka. And at that time people were known as Rohitassas. The lifespan of the Rohitassas was 30,000 years. It took them three days to climb Mount Vepulla, and three days to descend. At that time Koṇāgamana, the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha arose in the world. Koṇāgamana had a fine pair of chief disciples named Bhiyyosa and Uttara. See, mendicants! This mountain’s name has vanished, those people have passed away, and that Buddha has become fully extinguished. So impermanent are conditions …
Once upon a time this Mount Vepulla was known as Supassa. And at that time people were known as Suppiyas. The lifespan of the Suppiyas was 20,000 years. It took them two days to climb Mount Vepulla, and two days to descend. At that time Kassapa, the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha arose in the world. Kassapa had a fine pair of chief disciples named Tissa and Bhāradvāja. See, mendicants! This mountain’s name has vanished, those people have passed away, and that Buddha has become fully extinguished. So impermanent are conditions …
These days this Mount Vepulla is known as Vepulla. And these people are known as Magadhans. The lifespan of the Magadhans is short, brief, and fleeting. A long life is a hundred years or a little more. It takes the Magadhans an hour to climb Mount Vepulla, and an hour to descend. And now I am the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha who has arisen in the world. I have a fine pair of chief disciples named Sāriputta and Moggallāna. There will come a time when this mountain’s name will vanish, those people will die, and I will be fully extinguished. So impermanent are conditions, so unstable are conditions, so unreliable are conditions. This is quite enough for you to become disillusioned, dispassionate, and freed regarding all conditions.”
That is what the Buddha said. Then the Holy One, the Teacher, went on to say:
“For the Tivaras it was Pācīnavaṁsa,
for the Rohitassa, Vaṅkaka,
Supassa for the Suppiyas,
and Vepulla for the Magadhans.
Oh! Conditions are impermanent,
their nature is to rise and fall;
having arisen, they cease;
their stilling is true bliss.”
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ในที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย … แล้วได้ตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ.
ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่าปาจีนวังสะ สมัยนั้น หมู่มนุษย์มีชื่อว่าติวรา หมู่มนุษย์ชื่อติวรามีอายุประมาณสี่หมื่นปี หมู่มนุษย์ชื่อติวราขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่ากกุสันธะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่ากกุสันธะ มีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่า วิธูระและสัญชีวะ.
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล อันตรธานไปแล้ว หมู่มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่าวงกฏ สมัยนั้น หมู่มนุษย์มีชื่อว่าโรหิตัสสะ หมู่มนุษย์ชื่อโรหิตัสสะมีอายุประมาณสามหมื่นปี หมู่มนุษย์ชื่อโรหิตัสสะขึ้นวงกฏบรรพตเป็นเวลา ๓ วัน ลงก็เป็นเวลา ๓ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่าโกนาคมนะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่าโกนาคมนะ มีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่า ภิยโยสะและอุตตระ.
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล อันตรธานไปแล้ว หมู่มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่าสุปัสสะ สมัยนั้น หมู่มนุษย์มีชื่อว่าสุปปิยา หมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยามีอายุประมาณสองหมื่นปี หมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยาขึ้นสุปัสสบรรพตเป็นเวลา ๒ วัน ลงก็เป็นเวลา ๒ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่ากัสสปะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พระนามว่ากัสสปะ มีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่า ติสสะและภารทวาชะ.
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล อันตรธานไปแล้ว หมู่มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ก็บัดนี้เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่าเวปุลละ ก็บัดนี้หมู่มนุษย์เหล่านี้มีชื่อว่ามาคธะ หมู่มนุษย์ชื่อมาคธะมีอายุเพียงน้อยนิด ผู้ใดมีชีวิตอยู่นาน ผู้นั้นมีอายุเพียงร้อยปี น้อยกว่าก็มี เกินกว่าก็มี หมู่มนุษย์ชื่อมาคธะขึ้นเวปุลลบรรพตเพียงครู่เดียว ลงก็เพียงครู่เดียว และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะพระองค์นี้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก ก็เราแลมีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่า สารีบุตรและโมคคัลลานะ.
ภิกษุทั้งหลาย ชื่อแห่งภูเขานี้จักอันตรธาน หมู่มนุษย์เหล่านี้จักทำกาละ และเราก็จักปรินิพพาน ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้ สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
ปาจีนวังสบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อติวรา
วงกฎบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อโรหิตัสสะ
สุปัสสบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยา
และเวปุลลบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อมาคธะ.สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป
ความสงบระงับซึ่งสังขารทั้งปวงได้ เป็นสุข ดังนี้.-บาลี นิทาน. สํ. 16/225/456.
https://84000.org/tipitaka/pali/?16//225, https://etipitaka.com/read/pali/16/225