ความเพียรสามารถทำได้ทุกอิริยาบถ [ปรารภความเพียร ๔ อิริยาบท (๒)]
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, suppose a mendicant has a sensual, malicious, or cruel thought while walking. They tolerate it and don’t give it up, get rid of it, eliminate it, and obliterate it. Such a mendicant is said to be ‘not keen or prudent, always lazy, and lacking energy’ when walking.
Suppose a mendicant has a sensual, malicious, or cruel thought while standing … sitting … or when lying down while awake. They tolerate it and don’t give it up, get rid of it, eliminate it, and obliterate it. Such a mendicant is said to be ‘not keen or prudent, always lazy, and lacking energy’ when lying down while awake.
Suppose a mendicant has a sensual, malicious, or cruel thought while walking. They don’t tolerate it, but give it up, get rid of it, eliminate it, and obliterate it. Such a mendicant is said to be ‘keen and prudent, always energetic and determined’ when walking.
Suppose a mendicant has a sensual, malicious, or cruel thought while standing … sitting … or when lying down while awake. They don’t tolerate it, but give it up, get rid of it, eliminate it, and obliterate it. Such a mendicant is said to be ‘keen and prudent, always energetic and determined’ when lying down while awake.”
Whether walking or standing,
sitting or lying down,
if you think a bad thought
to do with the lay life,
you’re on the wrong path,
lost among things that delude.
Such a mendicant is incapable
of touching the highest awakening.
But one who, whether standing or walking,
sitting or lying down,
has calmed their thoughts,
loving peace of mind;
such a mendicant is capable
of touching the highest awakening.
English translation by Bhikkhu Bodhi
(1) “Bhikkhus, if a sensual thought, a thought of ill will, or a thought of harming arises in a bhikkhu while walking, and he tolerates it, does not abandon it, dispel it, terminate it, and obliterate it, then that bhikkhu is said to be devoid of ardor and moral dread; he is constantly and continuously lazy and lacking in energy while walking.
(2) “If a sensual thought … arises in a bhikkhu while standing … (3) If a sensual thought … arises in a bhikkhu while sitting … (4) If a sensual thought, a thought of ill will, or a thought of harming arises in a bhikkhu while wakefully lying down, and he tolerates it, does not abandon it, dispel it, terminate it, and obliterate it, then that bhikkhu is said to be devoid of ardor and moral dread; he is constantly and continuously lazy and lacking in energy while wakefully lying down.
(1) “But, bhikkhus, if a sensual thought, a thought of ill will, or a thought of harming arises in a bhikkhu while walking, and he does not tolerate it but abandons it, dispels it, terminates it, and obliterates it, then that bhikkhu is said to be ardent and to dread wrongdoing; he is constantly and continuously energetic and resolute while walking.
(2) “If a sensual thought … arises in a bhikkhu while standing … (3) If a sensual thought … arises in a bhikkhu while sitting … (4) If a sensual thought, a thought of ill will, or a thought of harming arises in a bhikkhu while wakefully lying down, and he does not tolerate it but abandons it, dispels it, terminates it, and obliterates it, then that bhikkhu is said to be ardent and to dread wrongdoing; he is constantly and continuously energetic and resolute while walking.”
Whether walking or standing,
sitting or lying down,
one who thinks bad thoughts
connected with the household life
has entered upon a dire path,
infatuated by delusive things:
such a bhikkhu cannot reach
the highest enlightenment.
But one who, whether walking,
standing, sitting, or lying down,
has calmed his thoughts
and delights in the stilling of thought:
a bhikkhu such as this can reach
the highest enlightenment.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังเดินอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสา (เบียดเบียน) เกิดขึ้น และภิกษุก็รับเอาความคิดนั้นไว้ ไม่สละทิ้งไป ไม่ทำให้บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังเดินอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้ไม่ทำความเพียรเผากิเลส ไม่มีโอตตัปปะ เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรอันเลวทรามอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังยืนอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็รับเอาความคิดนั้นไว้ ไม่สละทิ้งไป ไม่ทำให้บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุดลงไป ไม่ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังยืนอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้ไม่ทำความเพียรเผากิเลส ไม่มีโอตตัปปะ เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรอันเลวทรามอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังนั่งอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็รับเอาความคิดนั้นไว้ ไม่สละทิ้งไป ไม่ทำให้บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุดลงไป ไม่ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนั่งอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้ไม่ทำความเพียรเผากิเลส ไม่มีโอตตัปปะ เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรอันเลวทรามอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังนอนตื่นอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็รับเอาความคิดนั้นไว้ ไม่สละทิ้งไป ไม่ทำให้บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุดลงไป ไม่ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนอนตื่นอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้ไม่ทำความเพียรเผากิเลส ไม่มีโอตตัปปะ เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรอันเลวทรามอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังเดินอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็ไม่รับเอาความคิดนั้นไว้ สละทิ้งไป ทำให้บรรเทา ทำให้สิ้นสุดลงไป ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังเดินอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้มีความเพียรเผากิเลส มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังยืนอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็ไม่รับเอาความคิดนั้นไว้ สละทิ้งไป ทำให้บรรเทา ทำให้สิ้นสุดลงไป ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังยืนอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้มีความเพียรเผากิเลส มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังนั่งอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็ไม่รับเอาความคิดนั้นไว้ สละทิ้งไป ทำให้บรรเทา ทำให้สิ้นสุดลงไป ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนั่งอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้มีความเพียรเผากิเลส มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่เนืองนิตย์.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุกำลังนอนตื่นอยู่ ถ้าแม้ความคิดในทางกามเกิดขึ้น หรือความคิดในทางพยาบาทเกิดขึ้น หรือความคิดในทางวิหิงสาเกิดขึ้น และภิกษุก็ไม่รับเอาความคิดนั้นไว้ สละทิ้งไป ทำให้บรรเทา ทำให้สิ้นสุดลงไป ทำให้ไม่มีเหลือ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนอนตื่นอยู่ เราก็เรียกว่า เป็นผู้มีความเพียรเผากิเลส มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่เนืองนิตย์.
ถ้าภิกษุใด เดินอยู่ก็ตาม ยืนอยู่ก็ตาม นั่งอยู่ก็ตาม หรือนอนอยู่ก็ตาม
ย่อมคิดถึงความคิดอันเป็นบาป อันอิงอาศัยเรือนอยู่.
ภิกษุผู้เช่นนั้น เป็นผู้ดำเนินไปสู่ทางผิด
หมกมุ่นแล้วในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความลุ่มหลง
เป็นผู้ไม่สมควรที่จะบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม.
แต่ถ้าภิกษุใด เดินอยู่ก็ตาม ยืนอยู่ก็ตาม นั่งอยู่ก็ตาม หรือนอนอยู่ก็ตาม
ทำความคิดให้สงบได้ ยินดีในธรรมเป็นที่สงบแห่งความคิด
ภิกษุเช่นนั้น เป็นผู้สมควรที่จะบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม.
-บาลี จตุกฺก. อํ. 21/16/11.
https://84000.org/tipitaka/pali/?21//16,
https://etipitaka.com/read/pali/21/16