The cause to become fully extinguished by making extra effort and fully extinguished without making extra effort.
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, these four people are found in the world. What four?
One person becomes fully extinguished in the present life by making extra effort.
One person becomes fully extinguished when the body breaks up by making extra effort.
One person becomes fully extinguished in the present life without making extra effort.
One person becomes fully extinguished when the body breaks up without making extra effort.
And how does a person become fully extinguished in the present life by making extra effort? It’s when a mendicant meditates observing the ugliness of the body, perceives the repulsiveness of food, perceives dissatisfaction with the whole world, observes the impermanence of all conditions, and has well established the perception of their own death. They rely on these five powers of a trainee: faith, conscience, prudence, energy, and wisdom. And these five faculties manifest in them strongly: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom. Because of the strength of the five faculties, they become fully extinguished in the present life by making extra effort. That’s how a person becomes fully extinguished in the present life by making extra effort.
How does a person become fully extinguished when the body breaks up by making extra effort? It’s when a mendicant meditates observing the ugliness of the body, perceives the repulsiveness of food, perceives dissatisfaction with the whole world, observes the impermanence of all conditions, and has well established the perception of their own death. They rely on these five powers of a trainee: faith, conscience, prudence, energy, and wisdom. But these five faculties manifest in them weakly: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom. Because of the weakness of the five faculties, they become fully extinguished when the body breaks up by making extra effort. That’s how a person becomes fully extinguished when the body breaks up by making extra effort.
And how does a person become fully extinguished in the present life without making extra effort? It’s when a mendicant … enters and remains in the first absorption … second absorption … third absorption … fourth absorption … They rely on these five powers of a trainee: faith, conscience, prudence, energy, and wisdom. And these five faculties manifest in them strongly: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom. Because of the strength of the five faculties, they become fully extinguished in the present life without making extra effort. That’s how a person becomes fully extinguished in the present life without making extra effort.
And how does a person become fully extinguished when the body breaks up without making extra effort? It’s when a mendicant … enters and remains in the first absorption … second absorption … third absorption … fourth absorption … They rely on these five powers of a trainee: faith, conscience, prudence, energy, and wisdom. But these five faculties manifest in them weakly: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom. Because of the weakness of the five faculties, they become fully extinguished when the body breaks up without making extra effort. That’s how a person becomes fully extinguished when the body breaks up without making extra effort.
These are the four people found in the world.”
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกอะไรบ้าง คือ
๑) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบัน
๒) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นสสังขารปรินิพพายี
๓) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบัน
๔) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นอสังขารปรินิพพายี
ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันเป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ พิจารณาเห็นความไม่งามในกาย มีความสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร มีความสำคัญว่าในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรเป็นที่น่ายินดี พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาอันเธอตั้งไว้ดีแล้วในภายใน เธออาศัยธรรมอันเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ ศรัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปะพละ วิริยะพละ ปัญญาพละ และอินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอ ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เพราะเหตุที่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้มีประมาณยิ่ง จึงเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบัน ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันเป็นอย่างนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นสสังขารปรินิพพายีเป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ พิจารณาเห็นความไม่งามในกาย มีความสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร มีความสำคัญว่าในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรเป็นที่น่ายินดี พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาอันเธอตั้งไว้ดีแล้วในภายใน เธออาศัยธรรมอันเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ ศรัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปะพละ วิริยะพละ ปัญญาพละ แต่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอ ปรากฏว่ายังอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เพราะเหตุที่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ยังอ่อน เพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นสสังขารปรินิพพายี ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นสสังขารปรินิพพายีเป็นอย่างนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันเป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่ เพราะวิตกวิจารระงับไป จึงบรรลุทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิแล้วแลอยู่ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย จึงบรรลุตติยฌาน อันพระอริยะกล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุขแล้วแลอยู่ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน จึงบรรลุจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความบริสุทธิ์แห่งสติเพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่ เธออาศัยธรรมอันเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ ศรัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปะพละ วิริยะพละ ปัญญาพละ และอินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอ ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เพราะเหตุที่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้มีประมาณยิ่ง จึงเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบัน ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันเป็นอย่างนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นอสังขารปรินิพพายีเป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่ เพราะวิตกวิจารระงับไป จึงบรรลุทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิแล้วแลอยู่ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย จึงบรรลุตติยฌาน อันพระอริยะกล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุขแล้วแลอยู่ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน จึงบรรลุจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความบริสุทธิ์แห่งสติเพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่ เธออาศัยธรรมอันเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ ศรัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปะพละ วิริยะพละ ปัญญาพละ แต่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอ ปรากฏว่ายังอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เพราะเหตุที่อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ยังอ่อน เพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นอสังขารปรินิพพายี ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเพราะกายแตกทำลาย จึงเป็นอสังขารปรินิพพายีเป็นอย่างนี้.
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
-บาลี จตุกฺก. อํ. 21/209/169.
https://84000.org/tipitaka/pali/?21//209,
https://etipitaka.com/read/pali/21/209