Understanding time and context is the best.
English translation by Bhikkhu Sujatoผู้รู้กาละในกรณีนั้นๆ
Then the wanderer Potaliya went up to the Buddha, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side, and the Buddha said to him:
“Potaliya, these four people are found in the world. What four?
One person criticizes those deserving of criticism at the right time, truthfully and substantively. But they don’t praise those deserving of praise at the right time, truthfully and substantively.
Another person praises those deserving of praise … But they don’t criticize those deserving of criticism …
Another person doesn’t praise those deserving of praise … Nor do they criticize those deserving of criticism …
Another person criticizes those deserving of criticism at the right time, truthfully and substantively. And they praise those deserving of praise at the right time, truthfully and substantively.
These are the four people found in the world. Of these four people, who do you believe to be the finest?”
“Master Gotama, of these four people, it is the person who neither praises those deserving of praise at the right time, truthfully and substantively; nor criticizes those deserving of criticism at the right time, truthfully and substantively. That is the person I believe to be the finest. Why is that? Because, Master Gotama, equanimity is the best.”
“Potaliya, of these four people, it is the person who criticizes those deserving of criticism at the right time, truthfully and substantively; and praises those deserving of praise at the right time, truthfully and substantively. That is the person I consider to be the finest. Why is that? Because, Potaliya, understanding of time and context is the best.”
ครั้งนั้น ปริพพาชกชื่อโปตลิยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่สมควร ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามโปตลิยปริพพาชกว่า
โปตลิยะ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก ๔ จำพวกอะไรบ้าง คือ
๑) โปตลิยะ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียน ตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร แต่ไม่กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร.
๒) โปตลิยะ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร แต่ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร.
๓) โปตลิยะ บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และไม่กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร.
๔) โปตลิยะ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร.
โปตลิยะ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก.
โปตลิยะ ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกนี้ บุคคลจำพวกไหนเล่า ควรจะเป็นบุคคลที่งดงามกว่า ประณีตกว่า สำหรับท่าน.
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก ๔ จำพวกอะไรบ้าง คือ พระโคดมผู้เจริญ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียน ตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร แต่ไม่กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร พระโคดมผู้เจริญ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร แต่ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร พระโคดมผู้เจริญ บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และไม่กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร พระโคดมผู้เจริญ บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร พระโคดมผู้เจริญ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก พระโคดมผู้เจริญ ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกเหล่านั้น บุคคลจำพวกที่ไม่กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และไม่กล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร บุคคลจำพวกนี้แลควรจะเป็นบุคคลที่งดงามกว่า ประณีตกว่า สำหรับข้าพระองค์ ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะเหตุว่า นั่นงดงามยิ่งด้วยอุเบกขา.
โปตลิยะ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก … ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกเหล่านั้น บุคคลจำพวกใด กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร บุคคลจำพวกนี้ เป็นบุคคลพวกที่งดงามกว่า ประณีตกว่า ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกเหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร โปตลิยะ นั่นงดงามเพราะความเป็นผู้รู้กาละในกรณีนั้นๆ.
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก … ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกเหล่านั้น บุคคลจำพวกใด กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร บุคคลจำพวกนี้ เป็นบุคคลพวกที่งดงามกว่า ประณีตกว่า ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกเหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร นั่นงดงามเพราะความเป็นผู้รู้กาละในกรณีนั้นๆ.
พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนผู้หลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีตาดีจะได้มองเห็นรูป ดังนี้ ท่านพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยายอย่างนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอถึงท่านพระโคดม กับทั้งพระธรรม และทั้งพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพเจ้าว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
-บาลี จตุกฺก. อํ. 21/131/100.
https://84000.org/tipitaka/pali/?21//131
https://etipitaka.com/read/pali/21/131/