The mind is said to be well freed. (2)
English translation by Bhikkhu Sujato
“Mendicants, the eye really is impermanent. A mendicant sees that it is impermanent: that’s their right view. Seeing rightly, they grow disillusioned. When relishing ends, greed ends. When greed ends, relishing ends. When relishing and greed end, the mind is said to be well freed.
The ear … nose … tongue … body … mind really is impermanent. A mendicant sees that it is impermanent: that’s their right view. Seeing rightly, they grow disillusioned. When relishing ends, greed ends. When greed ends, relishing ends. When relishing and greed end, the mind is said to be well freed.”
“Mendicants, properly attend to the eye. Truly see the impermanence of the eye. When a mendicant does this, they grow disillusioned with the eye. When relishing ends, greed ends. When greed ends, relishing ends. When relishing and greed end, the mind is said to be well freed.
Properly attend to the ear … nose … tongue … body … mind. Truly see the impermanence of the mind. When a mendicant does this, they grow disillusioned with the mind. When relishing ends, greed ends. When greed ends, relishing ends. When relishing and greed end, the mind is said to be well freed.”
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเห็นตาอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง ความเห็นของเธอนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี.
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเห็นหูอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง … ภิกษุเห็นจมูกอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง … ภิกษุเห็นลิ้นอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง … ภิกษุเห็นกายอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง …
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเห็นใจอันไม่เที่ยงนั่นแหละ ว่าไม่เที่ยง ความเห็นของเธอนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี.
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งตาโดยอุบายอันแยบคาย และจงพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแห่งตา ตามความเป็นจริง เมื่อภิกษุกระทำไว้ในใจซึ่งตาโดยอุบายอันแยบคาย และพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแห่งตา ตามความเป็นจริง ย่อมเบื่อหน่ายในตา เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี.
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งหูโดยอุบายอันแยบคาย … เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งจมูกโดยอุบายอันแยบคาย … เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งลิ้นโดยอุบายอันแยบคาย … เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งกายโดยอุบายอันแยบคาย …
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงกระทำไว้ในใจซึ่งใจโดยอุบายอันแยบคาย และจงพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแห่งใจ ตามความเป็นจริง เมื่อภิกษุกระทำไว้ในใจซึ่งใจโดยอุบายอันแยบคาย และพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแห่งใจ ตามความเป็นจริง ย่อมเบื่อหน่ายในใจ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี.
-บาลี สฬา. สํ. 18/179/245,247.
https://84000.org/tipitaka/pali/?18//179
https://etipitaka.com/read/pali/18/179/